คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง โดยตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจาก ส. แล้ว เจ้าพนักงานตำรวจเสนอว่า หาก ส. ไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากผู้จำหน่ายให้ก็จะไม่ดำเนินคดี ส. จึงไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย การที่ ส. มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ จึงเป็นพยานชนิดที่เกิดขึ้นจากการจูงใจและให้คำมั่นสัญญาโดยมิชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ รับฟังเป็นพยานไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 (เหตุเกิดวันที่ 3 เมษายน 2540)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๗ , ๘ , ๑๕ , ๖๖ , ๖๗ ป.อ. มาตรา ๘๓ และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.อ. มาตรา ๘๓ จำคุกคนละ ๕ ปี คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี จับกุมจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยานำส่งพนักงานสอบสวนพร้อมด้วยเงินจำนวน ๑๒๐ บาท และเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑ เม็ด เป็นของกลาง โดยกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เมื่อฟังจากนายสมพรพยานโจทก์สรุปได้ความว่า พยานเป็นสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนให้เจ้าพนักงานตำรวจ ครั้งเกิดเหตุนี้เป็นครั้งแรก โดยในวันเกิดเหตุคดีนี้พยานถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจากพยาน แล้วเจ้าพนักงานตำรวจเสนอว่าหากพยานไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากผู้จำหน่ายให้ก็จะไม่ดำเนินคดีแก่พยาน การที่นายสมพรอ้างต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันจำหน่ายให้จึงเกิดจากการจูงใจให้คำมั่นสัญญาของเจ้าพนักงานว่าจะไม่ดำเนินคดีในความผิดที่นายสมพรถูกจับกุมโดยมิชอบ การที่นายสมพรมาเบิกความเป็นพยานโจทก์จึงเป็นพยานชนิดที่เกิดขึ้นจากการจูงใจและให้คำมั่นสัญญาโดยมิชอบของเจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าว จึงรับฟังคำเบิกความของนายสมพรเป็นพยานไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖
พิพากษายืน.

Share