คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องระบุว่าจำเลยที่ 2 อายุ 17 ปี ซึ่งหมายความว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 2 อายุยังไม่เกิน 17 ปี ถ้าศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ย่อมต้องลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 ลงกึ่งหนึ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75บัญญัติบังคับไว้โดยเด็ดขาด การที่ศาลชั้นต้นไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 และศาลอุทธรณ์ภาค 6 มิได้แก้ไขจึงเป็นการไม่ชอบ
แม้ธนบัตรของกลางจะได้มาจากการกระทำความผิดแต่มิใช่การกระทำความผิดที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์จะขอให้ริบในคดีนี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบกระดาษตะกั่วถุงพลาสติกธนบัตรชนิดต่าง ๆ จำนวน 1,110 บาท ของกลางและคืนธนบัตรของกลางที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ

จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2ให้การรับสารภาพ

ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 5 ปี ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1จำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ริบกระดาษตะกั่ว ถุงพลาสติก และธนบัตรชนิดต่าง ๆเป็นเงิน 1,110 บาท ของกลาง และคืนธนบัตรของกลางที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ

จำเลยที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4คืนธนบัตร 1,100 บาท (ที่ถูกเป็น 1,110 บาท) ของกลางแก่เจ้าของนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาขอให้ริบธนบัตรของกลางจำนวน 1,110 บาท ด้วยนั้น เห็นว่า แม้จะได้ความว่าธนบัตรของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดก็ตาม แต่ก็มิใช่การกระทำความผิดที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ โจทก์จะขอให้ริบทรัพย์สินที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้หาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ให้คืนธนบัตรของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของนั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน

อนึ่ง ตามคำฟ้องระบุว่าจำเลยที่ 2 อายุ 17 ปี ซึ่งหมายความว่าขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 2 อายุยังไม่เกิน 17 ปี ถ้าศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ย่อมต้องลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2ลงกึ่งหนึ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 บัญญัติบังคับไว้โดยเด็ดขาด การที่ศาลชั้นต้นไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2และศาลอุทธรณ์ภาค 6 มิได้แก้ไขจึงเป็นการไม่ชอบ กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์และฎีกา

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 อายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้วให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน เมื่อลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกกระทงละ 1 ปี 3 เดือน รวม 2 กระทง ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6”

Share