แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้ขับแพควบคุมคนงานออกดูดหาแร่ การออกหาแร่คราวหนึ่งๆใช้เวลาราว 5-6 วันจำเลยได้ทำการดูดแร่นอกเขตประทานบัตรที่ได้รับอนุญาต มีแร่อยู่ในความครอบครองเกิน 2 กิโลกรัม แร่ที่ดูดขึ้นมาบนแพถือได้ว่าอยู่ในความครอบครองของจำเลย และแร่ของกลางนั้นเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้เป็นแร่ที่จำเลยได้มาไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยมีความผิดและแร่ของกลางต้องริบตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีแร่ดีบุกรวมน้ำหนัก 1,725.94 กิโลกรัม ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105, 148, 154 พระราชบัญญัติแร่(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 มาตรา 18, 21, 27 และริบแร่ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 105 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 มาตรา 18 ปรับ 387,301 บาทของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 มาตรา 148, 154 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 มาตรา 21, 27นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ขับแพควบคุมคนงานออกดูดหาแร่การออกหาแร่คราวหนึ่ง ๆ ใช้เวลาราว 5-6 วัน จำเลยได้รับอนุญาตให้ดูดแร่ในเขตประทานบัตรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา จำเลยทำการดูดแร่นอกเขตประทานบัตรขณะถูกจับอยู่ห่างออกมาทางใต้ราว 10 กิโลเมตร จำเลยมีแร่อยู่ในความครอบครองเกินสองกิโลกรัม แร่ดีบุกที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้ แร่ที่ดูดขึ้นมาบนแพถือได้ว่าอยู่ในความครอบครองของจำเลย และแร่ของกลางที่จำเลยมีไว้ขณะถูกจับเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามบทกฎหมายที่จำเลยอ้างเมื่อจำเลยดูดแร่นอกเขตประทานบัตรแร่ของกลางจึงเป็นแร่ที่จำเลยได้มาไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมาตรา 154แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ให้ริบเสียทั้งสิ้น ดังนั้นศาลจึงริบแร่ของกลางได้ฎีกาข้ออื่นเป็นข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน