แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์และโจทก์ได้โอนที่ดินของโจทก์ให้จำเลยไปแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่เคยจะแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ ที่ดินที่โจทก์โอนให้จำเลยนี้ โจทก์โอนให้โดยเสน่หา โจทก์แถลงรับว่าเมื่อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินนั้นจำเลยยังเป็นผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์ได้ความดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างว่าการแลกเปลี่ยนที่ดินนี้จะฟ้องร้องบังคับกันไม่ได้ เพราะเป็นการทำนิติกรรมกับผู้เยาว์ และทั้งไม่ได้ทำให้ถูกแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอจะให้วินิจฉัยคดีได้ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์กับนางเป๊ะเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 10105 โดยได้รับมรดกจากบิดามารดานางเป๊ะตายไปจำเลยได้ตกลงกับโจทก์ โดยจำเลยสละที่ดินส่วนของนายเป๊ะ ให้เป็นของโจทก์แลกกับที่นาของโจทก์โฉนดเลขที่ 10121 โจทก์ได้โอนโฉนดที่ดินของโจทก์ให้จำเลยแล้ว จำเลยยังไม่ได้จัดการโอนของจำเลยให้โจทก์บัดนี้จำเลยได้ลอบไปขอประกาศรับมรดกที่ดินส่วนของนางเป๊ะโดยคิดฉ้อโกงโจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินส่วนของนางเป๊ะให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่เคยตกลงแลกเปลี่ยนนากับโจทก์ การที่โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลยนั้นเป็นการโอนให้โดยเสน่หา ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ โจทก์รับว่าเมื่อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน จำเลยเป็นผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์ ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพยาน พิพากษายกฟ้อง โดยอ้างว่าการแลกเปลี่ยนที่ดินกันนี้ เป็นการทำนิติกรรมกับจำเลยผู้เยาว์และทั้งไม่ได้ทำให้ถูกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงฟ้องร้องบังคับไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์และโจทก์ได้โอนที่ดินให้จำเลยแล้ว ส่วนจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่เคยพูดตกลงจะแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ ที่ดินที่โจทก์โอนมาให้จำเลยนั้นโอนให้โดยเสน่หา ดังนี้ ข้อเท็จจริงแห่งคดียังไม่ปรากฏ ส่วนข้อกฎหมายนั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงเบื้องต้นพอที่จะวินิจฉัยได้ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน