คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งเข้าทำการชิงทรัพย์นอกจากนี้แล้วยังมีพรรคพวกซึ่งมาด้วยกันแล้วหลบหนีไปด้วยกันอีก บรรดาพรรคพวกนั้นยืนคุมเชิงอยู่ในลักษณะเตรียมร่วมมือด้วย นับได้ว่าจำเลยได้สมคบกับพวกมีจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
พวกของจำเลยคนหนึ่งเข้าไปขอเงินเจ้าทรัพย์ เจ้าทรัพย์ให้น้อย พวกจำเลยจึงหยิบเงินเอาเอง พวกเจ้าทรัพย์เข้าแย่งเงินหล่นลงที่พื้น จำเลยง้างมีดทำท่าจะแทงถือได้ว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์สำเร็จแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกอีก 4 คน มีมีดเป็นศาตราวุธทำการปล้นทรัพย์ธนบัตร 85 บาท ของนายกิมชุน ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของนายกิมจิวไปโดยจำเลยใช้มีดขู่จะทำร้าย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ตามกฎหมายอาญา มาตรา 301, 60 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 7 ให้จำคุก 6 ปี 8 เดือน

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดกฎหมายอาญา มาตรา 301 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4)มาตรา 7 จำคุก 10 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยกับพวกรวม 5 คนได้ไปที่ร้านฝิ่นที่เกิดเหตุ

จำเลยกับพวกอีก 2 คนเข้าไปในร้าน คนหนึ่งได้พูดขอเงินนายกิมจิว100 บาท นายกิมจิวให้ 20 บาท คนนั้นได้ทิ้งเงิน 20 บาทเสียหยิบธนบัตรที่บนโต๊ะไป 65 บาท พวกเจ้าทรัพย์เข้าแย่งเงินหล่นจากมือจำเลยซึ่งยืนอยู่ข้างหลังพวกของจำเลยคนนั้นได้ง้างมีดปลายแหลมทำท่าจะแทงพวกเจ้าทรัพย์จับจำเลยได้ ส่วนพวกจำเลยอีก 4 คนก็พากันหนีไปขณะเกิดเหตุนั้นพวกจำเลยอีก 2 คนยืนอยู่ที่ประตูหน้าร้านฝิ่นเห็นว่าพวกจำเลยมาด้วยกันหนีไปด้วยกัน ขณะเกิดเหตุพรรคพวกจำเลยได้ยืนคุมเชิงในลักษณะเตรียมและร่วมมือในการนั้นด้วย เมื่อมีจำนวนพรรคพวกตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ จึงพิพากษายืน

Share