คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3121/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอให้ริบเฮโรอีนของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยไม่มีคำสั่งในเรื่องของกลาง เมื่อจำเลยอุทธรณ์ แม้โจทก์จะไม่อุทธรณ์ในเรื่องของกลางศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจทำคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางได้ เพราะมิใช่เป็นกรณีเพิ่มโทษจำเลย เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้และโจทก์ยังฎีกาขอให้ริบอยู่ ศาลฎีกาพิพากษาให้ริบของกลาง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง จำคุก 6 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15, 67 จำคุก 2 ปี โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เห็นว่าชั้นพิจารณาโจทก์มิได้นำสายลับมาเบิกความเป็นพยาน ข้อความที่ตำรวจผู้จับได้รับทราบจึงเป็นพยานบอกเล่า ตำรวจผู้จับที่โจทก์นำมาเป็นพยานก็เบิกความไว้ชัดว่า ไม่เห็นการจำหน่ายเฮโรอีน และเท่าที่ให้ความจากคำของนางยาง๊ะภริยาจำเลยที่ 1 ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาที่ได้ความแต่เพียงว่ามีคนนำเฮโรอีนมาให้จำเลยที่ 1 ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากพยานโจทก์ดังกล่าวจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ลำพังคำรับชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ว่ามีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายไม่พอลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่ายชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ส่วนปัญหาเรื่องเฮโรอีนของกลางที่โจทก์ขอให้ริบนั้น เห็นว่าแม้การริบของกลางเป็นโทษทางอาญาก็จริง แต่คดีนี้โจทก์ได้มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้ริบเฮโรอีนของกลาง และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186ได้บัญญัติว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งต้องมีข้อสำคัญเหล่านี้เป็นอย่างน้อย ฯลฯคำวินิจฉัยของศาลในเรื่องของกลาง ดังนี้ ในคำพิพากษาของศาลจะต้องกล่าววินิจฉัยในเรื่องของกลาง จะไม่กล่าวเสียเลยไม่ชอบด้วย บทบัญญัติแห่งมาตราดังกล่าว ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยไม่มีคำสั่งในเรื่องของกลางจึงไม่ชอบเมื่อจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ แม้โจทก์จะไม่อุทธรณ์ในเรื่องของกลาง ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจทำคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางนี้ได้ เพราะมิใช่เป็นกรณีเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยเรื่องของกลาง ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วยอย่างไรก็ตามโจทก์ฎีกาขอให้ริบของกลางอยู่ ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ และเห็นว่าเฮโรอีนยาเสพติดให้โทษของกลางเป็นของที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงต้องริบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32ฎีกาโจทก์ส่วนนี้ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษของกลางนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share