แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ จำเลยตกลงกันให้จำเลยเป็นแรงทำนา ส่วนโจทก์มีนา พันธ์ข้าวปลูกและออกเงินค่าจ้างแรงกระบือเหยียบที่กล้า เมื่อทำราได้ข้าวเท่าใดแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยได้ครึ่งหนึ่ง กรณีเช่นนี้ เป็นสัญญาธรรมดา มิใช่เป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ทั้งมิใช่เป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกัน เมื่อจำเลยไม่ทำให้เสร็จตามที่ตกลง โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงกับโจทก์รับเป็นผู้ทำนาของโจทก์ โดยแบ่งข้าวในนากับคนละครึ่ง โจทก์ก็ได้ลงทุนให้จำเลยไปทำคือ พันธ์ข้าว ๑ ปีบครึ่งราคา ๑๕ บาท และใช้กระบือฝูงเข้าเหยียบที่กล้า ๔ เช้า เป็นเงินค่าจ้างเช้าละ ๔๐ บาท รวม ๑๖๐ บาท จำเลยได้หว่านกล้าและลงมือไถนาบ้างแล้ว แต่ทอดทิ้งเสีย ไม่ทำให้เสร็จตามสัญญา ปล่อยให้นาของโจทก์ร้าง ทำให้ไม่ได้ข้าวตามปรกติปีละ ๕๐๐๐ เลียง จึงขอเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ๑๔๕๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิด ช่วยกันเสียค่าทดแทนให้แก่โจทก์ ๗๑๕ บาท หากจะใช้เป็นข้าว ก็ให้ใช้ ๗๑๕ เลียง ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา ศาลรับเฉพาะข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กับจำเลยตกลงกันให้จำเลยเป็นแรงทำนา ส่วนโจทก์มีนา พันธ์ข้าวปลูก และออกเงินค่าจ้างแรงกระบือเกยียบที่กล้าเมื่อทำนาได้ข้าวเท่าใด แบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่งจำเลยได้ครึ่งหนึ่ง กรณีเช่นนี้เป็นสัญญาธรรมดา มิใช่เป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดังจำเลยกล่าว ทั้งมิใช่เป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกัน เมื่อจำเลยไม่ทำให้เสร็จตามที่ตกลง โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยย่อมต้องรับผิด
จึงพิพากษายืน