แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชกฤษฎีกา หรือ ประกาศรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดขึ้นตามบทแห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้นั้นต้องตัดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและที่ทำการกำนันหรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้อง จึงจะมีผลบังคับได้ ถ้ามิได้มีการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ดังกล่าวก็ไม่มีผลบังคับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยตัดฟันจุดเผาทำลายไม้เต็งรัง และไม้พันชาดในป่า อันเป็นไม้หวงห้ามซึ่งได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามไว้แล้วโดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น วินิจฉัยว่า โจทก์-มิได้นำสืบว่าประกาศหวงห้ามไม้ตามฟ้องนั้น ทางการได้คัดสำเนาประกาศไว้ในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ ๒๔๘๔ และโจทก์มิได้บรรยายไว้ในฟ้องด้วย จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ ๒๔๘๔ ได้บัญญัติบังคับไว้ว่า พระราชกฤษฎีการหรือประกาศรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดขึ้นตามบทแห่ง พ.ร.บ.นี้ให้คัดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและที่ทำการกำนัน หรือที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้อง ดังนี้ พระราชกฤษฎีกาตามโจทก์กล่าวอ้ง จะมีผลบังคับได้ก็แต่เมื่อได้มีการปฏิบัติตามที่กฏหมายมาตรานี้บังคับไว้นั้นแล้ว และคดีนี้ตามข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมา ไม่ได้ความว่าได้มีการปฏิบัติตามกฏหมายที่กล่าวนั้น ศาลล่างทั้ง ๒ ยกฟ้องโจทก์เสียนั้น จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน