คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าที่ดินของเขา เพื่อปลูกเรือนอาศัย มีกำหนด 20 ปี มีข้อสัญญาอยู่ข้อหนึ่งว่า เมื่อผู้ให้เช่าประสงค์จะขายที่ดินนั้น ผู้ให้เช่าต้องบอกขายกับผู้เช่าก่อน ฯลฯ
ดังนี้ ครั้นผู้ให้เช่าผิดสัญญาขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปโดยไม่บอกผู้เช่าก่อนผู้เช่าย่อมมีสิทธิเพียงฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่านั้นผู้เช่าจะฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นระหว่างผู้ให้เช่ากับบุคคลภายนอกและบังคับให้ขายแก่ผู้เช่าไม่ได้ เพราะกำหนดในสัญญาดังกล่าวไม่พอให้ถือว่าเป็นคำมั่นหรือจะซื้อขาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลย ฯลฯและบังคับจำเลยที่ 1 โอนขายแก่โจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ทางพิจารณาได้ความว่า เดิมโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงทำสัญญากันว่า จำเลยที่ 1 ให้โจทก์เช่าที่ส่วนหนึ่งของจำเลยเพื่อปลูกเรือนอาศัยมีกำหนด 20 ปี และความในสัญญาข้อ 3 มีว่า “ผู้ให้เช่ามีความประสงค์จะซื้อขายที่ดิน เมื่อพ้นกำหนดในหนังสือสัญญาแล้ว ก็ดีหรือว่ายังไม่ถึงกำหนดในหนังสือสัญญาก็ดีผู้ให้เช่ามีความประสงค์จะขายที่ดินแปลงที่ให้เช่านี้ ผู้ให้เช่าต้องบอกขายกับผู้เช่าก่อน เว้นไว้แต่ราคาจะไม่ตกลงกัน ฯลฯ”โจทก์ได้ปลูกเรือนอยู่ในที่เช่าต่อมา พ.ศ. 2494 จำเลยที่ 1 ได้แบ่งขายที่ซึ่งโจทก์เช่าแก่จำเลยที่ 2-3 โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายดังกล่าวเสียและขายให้โจทก์

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะมิได้ระบุถึงจำนวนราคาที่ซื้อขายกันไว้ก็ดี ก็ไม่ทำให้เป็นโมฆะเสียไปเพราะเป็นข้อตกลงด้วยความสมัครใจไม่ผิดกฎหมาย ข้อตกลงเช่นนี้เปิดโอกาสให้คู่สัญญาฟ้องร้องกันได้ แต่จะฟ้องบังคับให้จำเลยขายที่แก่โจทก์ดังคำฟ้องมิได้ เพราะข้อความในสัญญาไม่พอให้ถือว่าเป็นคำมั่น หรือจะซื้อขายได้ จึงพิพากษายืนในข้อยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย

Share