คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำงานเป็นเจ้าพนักงานไปรษณีย์อนุญาตประจำอำเภอ ได้รับเงินค่าจ้างเป็นค่าทำการและส่วนลด ต่อมาได้เปลี่ยนเรียกว่าจ่ายเป็นค่าเหมาเดือน จำเลยได้จดบัญชีหลักฐานเท็จและยักยอกเงินรายได้ของไปรษณีย์อนุญาตนั้นไป ดั่งนี้ จำเลยย่อมมีผิดตามมาตรา 319(3). แต่ไม่ผิดตามมาตรา 131,230 เพราะจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานได้รับเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายพลเรือน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องว่า จำเลยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ทำงานไปรษณีย์อนุญาตที่ประจำอำเภอเกษตรสมบูรณ์ และเป็นเจ้าพนักงานไปรษณีย์อนุญาตมีฐานะเป็นข้าราชการประเภทลูกจ้างชั่วคราว สังกัดกระทรวงคมนาคม รับเงินเดือนประเภทค่าใช้สอยของกองสื่อสารกรมไปรษณีย์โทรเลข จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตจดบัญชีหลักฐานการเงินให้เป็นเท็จแล้วเบียดบังยักยอกเงินรายได้ของไปรษณีย์อนุญาตเกษตรสมบูรณ์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเป็นเงิน 91,200 บาทขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 319, 230 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) มาตรา 3พระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2484 มาตรา 3 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 319(3) ให้จำคุก 5 ปี ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา 59 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 131, 230

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่ใช้เจ้าพนักงาน เพราะจำเลยไม่ได้เงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายพลเรือน หากได้ค่าจ้างเป็นค่าทำการและส่วนลด ต่อมาเปลี่ยนเรียกว่าให้จ่ายเป็นค่าจ้างเหมาเดือน จึงลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฎีกาไม่ได้

พิพากษายืน

Share