คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภรรยาเป็นผู้ทำสัญญาเช่าจึงเป็นคู่สัญญากับผู้ให้เช่า สามีมิใช่คู่สัญญาด้วย ย่อมเป็นเพียงบริวารเท่านั้น ( อ้างฎีกาที่ 848/2491 ) เมื่อสัญญาเช่าสิ้นอายุและภรรยาได้ออกไปจากห้องเช่าแล้ว สามีย่อมไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในห้องเช่าต่อไป ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า นางนพ ลาภนาถทองเช่าห้องโจทก์ ครบกำหนดเช่าแล้ว นางนพเลิกสัญญาเช่าและออกจากห้องไป แต่จำเลยเป็นบุคคลภายนอกยังคงอยู่ในห้องเช่ารายนี้ โจทก์แจ้งให้จำเลยออกไปจำเลยก็ยังขืนอยู่ จึงขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า ได้ให้นางนพ ภรรยาจำเลยทำสัญญาเช่าแทนหรือร่วมกับจำเลย นางนพหนีจากห้องไป จำเลยเป็นผู้ส่งค่าเช่าตลอดมา จำเลยจึงได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และนางนพไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยผู้สามี
ศาลชั้นต้นฟ้องข้อเท็จจริงว่า นางนพเป็นภรรยาจำเลยดดยชอบด้วยกฎหมาย นางนพเป็นผู้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ ข้อที่ว่านางนพเช่าแทนจำเลย ฟังไม่ได้จำเลยจึงเป็นบุคคลภายนอก มิใช่สัญญากับโจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ข้อที่นางนพบอกเลิกการเช่าให้ได้หรือไม่ไม่เป็นประโยชน์ที่จะต้องวินิจฉัย พิพากษาให้ขับไล่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยเป็นสามีนางนพ นางนพได้สิทธิการเช่ามา จำเลยย่อมได้สิทธิด้วยเมื่อนางนพบอกเลิกการเช่าก็เป็นเรื่องของนางนพสละสิทธิการเช่าฉะเพาะตัว สิทธิของจำเลยยังคงมีอยู่การบอกเลิกการเช่าโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยใช้ไม่ได้ แม้สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว จำเลยก็ยังได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นางนพเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์ จำเลยสามีนางนพไม่ใช่คู่สัญญา จึงเป็นเพียงบริวารของนางนพเท่านั้น เทียบฎีกาที่ ๘๙๘/๒๔๙๑ เมื่อนางนพออกจากห้องเช่าไปและสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว จำเลยเป็นบริวารจึงไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในห้องพิพาทต่อไป จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share