คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2530

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

คำร้องของผู้ร้องที่ว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรที่กาเครื่องหมายไม่ถูกต้อง บัตรมีตำหนิและบัตรที่ไม่กาเครื่องหมายของผู้สมัครว่าเป็นบัตรดีนั้น เป็นคำร้องที่ไม่ได้ระบุให้แน่ชัดว่า ที่ว่าบัตรกาเครื่องหมายไม่ถูกต้องนั้นกาเครื่องหมายอย่างไร จะเป็นบัตรปลอมหรือบัตรที่กาเครื่องหมายเกินหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ ส่วนที่อ้างว่าบัตรมีตำหนิจะเป็นตำหนิอย่างไรโดยใคร ไม่พอทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นบัตรเสียประเภทใด แม้คำร้องของผู้ร้องจะระบุว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 1 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็ตาม แต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงรายการแจ้งผลคะแนนหน่วยเลือกตั้ง และชื่อกรรมการตรวจคะแนนเท่านั้น ไม่มีรายการบัตรเสียหรือบัตรดี ว่ามีจำนวนเท่าใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุมๆมารวม 281 หน่วย โดยไม่บรรยายให้ทราบว่ากรรมการตรวจคะแนนในหน่วยเลือกตั้งใดอ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลข 2 ว่าเป็นบัตรดี และอ่านบัตรที่กากบาทเครื่องหมายล้ำช่องของผู้ร้องว่าเป็นบัตรเสียในหน่วยเลือกตั้งใด จำนวนเท่าใดในแต่ละหน่วยที่ทำเช่นนั้น จึงไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ ข้ออ้างของผู้ร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนไม่อยู่ในเขตเลือกตั้ง อำเภอบ้านฝาง รวม 38 หน่วย จำนวนคะแนน1,540 คะแนน โดยผู้สมัครหมายเลข 2 จดหมายเลขบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปให้กรรมการตรวจคะแนนสำหรับตรวจและลงหมายเลขประจำตัวให้ผู้อื่นใช้สิทธิเลือกตั้งแทนนั้น เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ผู้ร้องไม่ได้ระบุชื่อผู้ถูกใช้สิทธิเลือกตั้งแทนในหน่วยไหนจำนวนเท่าใด แม้คำร้องของผู้ร้องจะระบุว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 2 และ 3 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้อง แต่เอกสารท้ายคำร้องก็ไม่มีรายชื่อของบุคคลที่ถูกใช้สิทธิแทนแต่อย่างใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุมๆมารวม 38 หน่วย เป็นการยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจข้อกล่าวหาของผู้ร้องได้ ข้ออ้างของผู้ร้องจึงเคลือบคลุม
ส่วนที่ผู้ร้องระบุเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า ประธานกรรมการตรวจคะแนนอำเภอบ้านฝางจำนวน 7 หน่วย เข้าไปดูคูหาลงคะแนน และต่อว่าคนที่เลือกผู้ร้อง ผู้สมัครหมายเลข 2 ให้เงินราษฎรบ้านแก่นเท่าหน่วยเลือกตั้งที่ 3 คนละ 20 บาท และหลังเลือกตั้งแล้วผู้สมัครหมายเลข 2 มอบหอกระจายข่าวให้แก่บ้านหนองกุง หน่วยเลือกตั้งที่ 6 นั้นหากจะทำการพิจารณาต่อไปและฟังได้ว่าเป็นความจริง การกระทำเช่นนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. การเลือกตั้งฯ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 84 แต่มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตามมาตรา 78.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่นเขตเลือกตั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2529 เป็นไปโดยมิชอบ ให้เพิกถอนการเลือกตั้ง และให้เลือกตั้งใหม่
ผู้คัดค้านทั้งสองขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นงดชี้สองสถานและงดสืบพยาน และทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่า คำร้องเคลือบคลุมและผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยเหตุตามคำร้องข้อ 3.4 และข้อ 3.5 เห็นควรให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ดังนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ด้วย
มีปัญหาที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องในข้อ3.1 ข้อ 3.2 และข้อ 3.3 เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมหรือไม่ และผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยอาศัยเหตุตามคำร้องข้อ 3.4 และข้อ 3.5 หรือไม่
พิเคราะห์คำร้องของผู้ร้องโดยตลอดแล้ว ตามคำร้องข้อ 3.1 ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งประการแรกว่า กรรมการตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งอ่านบัตรที่กาเครื่องหมายไม่ถูกต้องบัตรมีตำหนิและบัตรที่ไม่กาเครื่องหมายของผู้สมัครหมายเลข 2ว่าเป็นบัตรดี จำนวน 2,500 คะแนนและอ่านบัตรกาเครื่องหมายล้ำช่องของผู้ร้องว่าเป็นบัตรเสีย ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยลง 2,000 คะแนนนั้น เห็นว่าคำร้องไม่ได้ระบุให้แน่ชัดว่าบัตรดังกล่าวกาเครื่องหมายไม่ถูกต้องโดยกาอย่างไร บัตรมีตำหนินั้นมีตำหนิอะไร มากน้อยเพียงใดก็ไม่ปรากฏ บัตรเสียดังกล่าวมีจำนวนละเท่าใดก็ไม่ปรากฏ ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ได้บัญญัติกรณีบัตรเลือกตั้งที่เป็นบัตรเสียไว้ 6 ประเภท คือ 1. บัตรปลอม2. บัตรที่ทำเครื่องหมายเลือกตั้งเกินจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีพึงได้ในเขตเลือกตั้งนั้น 3. บัตรที่มิได้ทำเครื่องหมายเลย 4. บัตรที่ปรากฏว่าได้พับซ้อนกันมากกว่า 1 บัตร 5. บัตรที่มีเครื่องสังเกตหรือข้อความอื่นใดนอกจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงและ 6. บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคการเมืองใด ดังนั้น คำร้องของผู้ร้องว่าบัตรกาเครื่องหมายไม่ถูกต้องนั้น ไม่อาจจะทราบได้ว่ากาเครื่องหมายอย่างไร จะเป็นบัตรปลอมหรือบัตรที่กาเครื่องหมายเกินหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ ส่วนที่อ้างว่าบัตรมีตำหนิ จะเป็นตำหนิอย่างไรโดยใคร ไม่พอทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นบัตรเสียประเภทใด แม้คำร้องของผู้ร้องจะรุบว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 1 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็ตาม แต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงรายการแจ้งผลคะแนนหน่วยเลือกตั้ง และชื่อกรรมการตรวจคะแนนเท่านั้น ไม่มีรายการบัตรเสียหรือบัตรดีว่ามีจำนวนเท่าใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุมๆ มารวม 281 หน่วย โดยไม่บรรยายให้ทราบว่ากรรมการตรวจคะแนนในหน่วยเลือกตั้งใดอ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลข 2ว่าเป็นบัตรดี และอ่านบัตรที่กากบาทเครื่องหมายล้ำช่องของผู้ร้องว่าเป็นบัตรเสียในหน่วยเลือกตั้งใดเป็นจำนวนเท่าใดในแต่ละหน่วยที่ทำเช่นนั้น จึงไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ ข้ออ้างของผู้ร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านในประการต่อไปตามคำร้องของผู้ร้องข้อ 3.2 และข้อ 3.3 นั้น ผู้ร้องกล่าวอ้างลอยๆ ว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแทนผู้ไม่อยู่ในเขตเลือกตั้งอำเภอบ้านฝาง รวม38 หน่วย จำนวนคะแนน 1,540 คะแนน โดยผู้สมัครหมายเลข 2 จดหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปให้กรรมการตรวจคะแนนสำหรับตรวจและลงหมายเลขประจำตัวให้ผู้อื่นใช้สิทธิเลือกตั้งแทนนั้น ผู้ร้องไม่ได้ระบุชื่อผู้ถูกใช้สิทธิเลือกตั้งแทนในหน่วยไหน จำนวนเท่าใด แม้คำร้องของผู้ร้องจะระบุว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 2 และ 3 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็ตามแต่เอกสารท้ายคำร้องดังกล่าวก็ไม่มีรายชื่อของบุคคลที่ถูกใช้สิทธิแทนแต่อย่างใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุมๆ มารวม 38 หน่วย เช่นนี้เป็นการยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจข้อกล่าวหาของผู้ร้องได้ ข้ออ้างของผู้ร้องจึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองเช่นเดียวกัน
ส่วนเหตุคัดค้านการเลือกตั้งตามคำร้องของผู้ร้องในข้อ 3.4และข้อ 3.5 ที่ระบุว่า ประธานกรรมการตรวจคะแนนอำเภอบ้านฝางจำนวน 7 หน่วย เข้าไปดูคูหาลงคะแนน และต่อว่าคนที่เลือกผู้ร้อง ผู้สมัครหมายเลข 2 ให้เงินราษฎรบ้านแก่นเท่าหน่วยเลือกตั้งที่3 คนละ 20 บาท และหลังเลือกตั้งแล้วผู้สมัครหมายเลข 2 มอบหอกระจายข่าวให้แก่บ้านหนองกุง หน่วยเลือกตั้งที่ 6 นั้น เห็นว่าถึงหากจะทำการพิจารณาต่อไป และฟังได้ว่าเป็นความจริงการกระทำเช่นนั้นก็เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษตามมาตรา84 แต่มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ เพราะพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ได้บัญญัติถึงเหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้โดยเฉพาะว่าจะต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 51หรือมาตรา 52 เท่านั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยเหตุตามคำร้องทั้งสองข้อนี้ กรณีไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าได้มีการกระทำตามคำร้องทั้งสองข้อนี้หรือไม่
เมื่อคำร้องของผู้ร้องที่คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28ธันวาคม 2529 ในข้อ 3.1 ข้อ 3.2 และข้อ 3.3 เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสอง และผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยเหตุตามคำร้องข้อ 3.4 และข้อ 3.5 ดังกล่าวข้างต้น จึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้’
มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ.

Share