คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จัดการร้านซึ่งทำการขายเครื่องเพชรและทองได้นำเครื่องเพชรและทองไปจำนำผู้อื่นเอาเงินมาใช้ในร้าน ในระหว่างที่เจ้าของร้านไปต่างประเทศเสียชั่วคราว และได้นำเงินนั้นเข้าบัญชีในร้าน ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าผู้จัดการมิได้ทำนอกเหนืออำนาจอย่างใด อันจะทำให้เจ้าของร้านไม่ต้องรับผิด บุคคลภายนอกผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิฟ้องให้เจ้าของร้านชำระหนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเนียมจิว แซ่เบ๊ผู้จัดการร้านค้าของจำเลยและเป็นตัวแทนของจำเลยได้จำนำแหวนเพ็ชรและเพ็ชรร่วงของจำเลยไว้กับโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาทยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนำไปยังนายเนียมจิวและจำเลยแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยเสีย โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย

จำเลยต่อสู้ว่า นายเนียมจิวเป็นผู้จัดการมีหน้าที่เพียงซื้อขายเครื่องเพ็ชรพลอยรูปพรรณเท่านั้น หามีอำนาจเอาทรัพย์ของจำเลยไปจำนำไม่ และระหว่างนั้นจำเลยก็อยู่ต่างประเทศ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า ทางพิจารณาได้ความชัดว่า จำเลยเป็นเจ้าของร้านยี่ห้อย่งลีฮอง ได้ตั้งให้นายเนียมจิว เป็นผู้จัดการร้าน ซึ่งทำการซื้อขายเครื่องเพ็ชรและทอง และปรากฏว่าผู้จัดการได้นำเครื่องเพ็ชรและทองไปจำนำผู้อื่นเอาเงินมาใช้ในร้านเฉพาะรายที่โจทก์ฟ้องนี้ ก็ได้ความว่า ผู้จัดการจำนำเอาเงินเข้าบัญชีในร้านคดีไม่มีทางจะให้เห็น ผู้จัดการได้ทำนอกเหนืออำนาจอย่างใด อันจะทำให้จำเลยผู้เป็นเจ้าของไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว

จึงพิพากษายืน

Share