แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.อากรค่านาเป็นกฎหมายพิเศษให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานที่จะจัดการยึดทรัพย์ผู้ค้างชำระเงินค่านาออกขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้แก่รัฐบาลได้โดยไม่จำต้องนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลเสียก่อน ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.271-290 +วางที่เจ้าพนักงานฝ่าย+ครองยึดทรัพย์ของผู้ค้างอากรค่านาไว้ ศาลไปยึดมาขายทอดตลาด เจ้าพนักงาน+ปกครองยอมมาร้องต่อศาลให้หักเงินอากรค่านาได้ + ไม่จำต้องเป็นเจ้าหนี้+คำพิพากษา +ไม่เกินคำขอสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนหนี้อื่น ๆ เมื่อเพียงแต่ขอเฉลี่ยขึ้นมาเท่านั้นก็ได้แต่จะพิพากษาให้ได้+เฉลี่ยตามคำร้องขอนั้น
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๆ จึงนำยึดที่นารายพิพาท ๖ แปลงเพื่อขายทอดตลาด แต่ปรากฏว่าที่นารายพิพาท ๖ แปลงนี้อำเภอได้ยึดไว้ก่อนแล้วเพื่อขายเอาเงินชำระหนี้ค่านาแลค่าเกาะแต่ยังไม่ถึงกำหนดขาย ศาลก็มีคำสั่งยึดเพื่อขายเอาเงินใช้หนี้โจทก์อีก ผู้ร้องจึงมาร้องขอเฉลี่ยเงินอากรค่านาที่ค้างชำระหนี้
ศาลล่างทั้ง ๒ เห็นว่า ฉะเพาะเงินอากรค่านาที่ค้างตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๓ ถึง พ.ศ.๒๔๗๕ ผู้ร้องมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิขอเฉลี่ย คงพิพากษาให้หักเงินอากรค่านาที่ค้างชำระ พ.ศ.๒๔๗๖ กับค่าเกาะอีก ๓ บาท รวม ๓๒ บาท ๕๒ สตางค์โดยที่ผู้ร้องมีบุริมสิทธิสามัญ
ศาลฎีกาเห็นว่าในเรื่องเงินค่านานี้มีกฎหมายพิเศษ คือ พ.ร.บ.ลักษณเก็บเงินค่านา ร.ศ.๑๑๙ ม.๑๓ ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานเก็บเงินอากรค่านาจากผู้ต้องเสียเองได้ตลอดถึงจัดการยึดทรัพย์ได้ด้วยโดยไม่จำต้องนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลก่อนทั้งคดีนี้เจ้าพนักงานก็ได้ไปยึดไว้ก่อนที่ศาลสั่งยึด จึงมีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมายที่จะรับชำระเงินค่านา ข้อที่เจ้าพนักงานยอมให้ศาลยึดนามาขายทอดตลาดอีกทอดหนึ่งนั้นหาเป็นเหตุทำให้สิทธิของเจ้าพนักงานศูนย์สิ้นไปไม่ ศาลจำต้องให้ผู้ร้องได้รับส่วนเฉลี่ยในเงินรายนี้ตามที่ร้องขอ จึงพิพากษาให้ผู้ร้องได้ส่วนรับส่วนเฉลี่ยตามคำขอเป็นเงิน ๒๑๓ บาท ๘๖ สตางค์