คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การภาคเสธนั้น ถ้าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาก็ควรลดโทษฐานปราณีให้.เหตุปราณีอยู่ในดุลพินิจของศาลตามมาตรา 59.อ้างฎีกาที่ 358/2478 และที่ 511/2479

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นและใช้มีดดาบทำร้ายนายจี๋ถึงตาย จำเลยรับในข้อมีฝิ่นและสูบฝิ่นไม่รับอนุญาติ ได้ชวนนายจี๋มาสูบด้วย นายจี๋กลับไปตอนหัวค่ำ คืนนั้นเวลาประมาณ ๓ นาฬิกา จำเลยได้ยินสุนัขเห่า จึงลงมาแอบดูเห็นคนร้ายเข้าไปในคอกโคของจำเลย แล้วจูงโคออกไป ๑ ตัว จำเลยทักขึ้นคนร้ายโจนเข้ามา จำเลยเข้าใจว่าจะเข้ามาทำร้าย จึงแทงไป ๑ ที ภายหลังปรากฏว่าเป็นนายจี๋ ๆ ไม่มีสาเหตุอะไรกลับจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยตามพระราชบัญญัติฝิ่นและกฏหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๙ จำคุกตลอดชีวิต.
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่คดี จึงลดฐานปราณีให้จำเลย คงเหลือจำคุก ๑๒ ปี
จำเลย และโจทก์ต่างฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาโจทก์ว่าไม่ควรลดโทษให้จำเลยนั้นเห็นว่า เรื่องนี้เกิดเหตุเวลาดึกมาก มีเฉพาะจำเลยกับผู้ตายเท่านั้นขณะเกิดเหตุ ถ้าไม่อาศัยคำให้การจำเลยแล้ว เป็นการยากที่จะชี้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดรายนี้ จึงนับว่าคำให้การจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณามาก และเหตุปราณีนี้เป็นดุลพินิจของศาลจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๕๙ จึงพิพากษายืน.

Share