คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า มารดาจำเลยได้ทำสัญญาแบ่งขายที่ดินมีโฉนดให้โจทก์โจทก์ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว มารดาจำเลยตาย ขอแสดงกรรมสิทธิ์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นสัญญาจะขายโจทก์ฟ้องขาดอายุความ และว่าโจทก์ครอบครองโดยอาศัยบิดามารดาจำเลยไม่ใช่ครอบครองปรปักษ์ ทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยาน ดังนี้ถือว่าจำเลยรับเพียงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองตามมาตรา1369,1370 เท่านั้น ไม่ใช่ครอบครองปรปักษ์ โจทก์จะต้องนำสืบว่า ได้ครอบครองปรปักษ์ดังฟ้องตามมาตรา 1382 หากไม่สืบโจทก์ต้องแพ้คดี (อ้างฎีกาที่ 521/2493)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2472 นางมีได้แบ่งขายที่ดินส่วนของนางมีโฉนดเลขที่ 3365 ตอนทางทิศใต้ให้โจทก์เนื้อที่ 1 ไร่เป็นราคา 140 บาท ตามสำเนาสัญญาที่ส่งมาพร้อมฟ้อง โจทก์ได้เข้าครอบครองปลูกเรือนทำประโยชน์ด้วยเจตนาถือสิทธิเป็นเจ้าของมาจนบัดนี้เกินกว่า 10 ปีแล้ว ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์แก้ทะเบียนโฉนด นางมีสัญญาว่าจะจัดการโอนภายหลังต่อมา 4-5 ปี นางมีและนายลอยสามีตาย ขอให้แสดงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าสัญญาที่โจทก์อ้างเป็นสัญญาซึ่งนางมีมารดาจำเลยจะขายที่ให้แก่โจทก์ ตามสัญญาจะต้องจัดการโอนภายในเดือนมีนาคม 2492 โจทก์ไม่ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกให้โอนที่ดินในอายุความจึงขาดอายุความ การที่โจทก์เข้าครอบครองที่อยู่ก็โดยอาศัยบิดามารดาของจำเลยมิใช่อำนาจปรปักษ์ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมไม่แน่ว่าอาศัยสิทธิตามสัญญาหรือปกครองปรปักษ์ โจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับกันว่าที่รายพิพาทโจทก์ครอบครองอยู่ โจทก์ย่อมได้ข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369, 1370 ว่ายึดถือเพื่อตน เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ครอบครองโดยอาศัยบิดามารดาจำเลย แต่จำเลยไม่สืบก็ไม่สามารถหักล้างข้อสันนิษฐานได้ พิพากษาห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเป็นทายาทของนางมีผู้ถือกรรมสิทธิ์จำเป็นที่โจทก์จะต้องสืบว่าครอบครองโดยปรปักษ์ จะนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้เป็นทรัพย์สิทธิ ทางทะเบียนไม่ได้ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาที่โจทก์อ้างเป็นสัญญาจะขายเท่านั้น หาใช่เป็นสัญญาขายดังที่โจทก์ฟ้องไม่ ส่วนข้อครอบครองจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์ได้เข้าครอบครองโดยอาศัยบิดามารดาจำเลย หาใช่ครอบครองปรปักษ์ไม่ เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 และ 1370 ประกอบกับมาตราอื่นอันว่าด้วยสิทธิครอบครองแล้ว เห็นว่าข้อสันนิษฐานกฎหมายทั้งสองมาตราที่ว่ายึดถือเพื่อตนโดยสุจริต โดยความสงบเปิดเผยนั้น มุ่งหมายให้ใช้เฉพาะการได้สิทธิครอบครองเท่านั้น กฎหมายหาได้ให้สันนิษฐานเลยไปถึงการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยไม่ การได้สิทธิครอบครองไม่จำเป็นจะต้องได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของด้วย เช่น ผู้เช่า ผู้อาศัยคดีนี้จำเลยโต้แย้งว่า โจทก์หาได้ครอบครองโดยปรปักษ์ไม่เป็นแต่ครอบครองโดยอาศัยอำนาจบิดามารดาจำเลย คือจำเลยรับว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองตามกฎหมายทั้ง 2 มาตราที่ได้วินิจฉัยมาแล้วเท่านั้น ประเด็นจึงตกหน้าที่โจทก์นำสืบว่าการครอบครองนั้นโจทก์ได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามฟ้อง (มาตรา 1382) เมื่อโจทก์ไม่สืบจึงไม่อาจชนะคดีได้

พิพากษายืน

Share