คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ซึ่งรับเป็นฝ่ายสืบก่อนได้ขอเลื่อนวันสืบพะยานโจทก์มาถึง 2 นัดแล้ว นัดที่ 3 โจทก์ขอเลื่อนอีก โดยอ้างว่ากำลังทำความปรองดองกับจำเลย ซึ่งไม่เป็นความจริง และพยานโจทก์ไม่มีมาศาลทั้งโจทก์กลับสั่งห้ามไม่ให้พะยานโจทก์ที่รับหมายแล้วมาศาลดังนี้ได้ชื่อว่าโจทก์ประวิง คดีให้ชักช้าตาม ม.86 วิ.แพ่ง
และเมื่อศาลอนุญาตให้ตัวโจทก์เข้าเบิกความเป็นพะยานตนเองได้และให้สืบในวันเดียวกับพะยานจำเลยถึงวันนัดตัวโจทก์และทนายไม่มา ดังนี้ถือว่าโจทก์ขาดนัดชั้นพิจารณาตาม ม. 197 เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินการพิจารณาสืบพะยานจำเลยต่อไป จึงต้องดำเนินการพิจารณาไปตาม ม. 205
กรณีดังกล่าวไม่ต้องด้วย ม. 132 ศาลจึงไม่สั่งให้จำหน่ายคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทสามีโจทก์ได้ทำสัญญาขายฝากที่อำเภอแก่จำเลย ไถ่คืนใน ๓ ปี พ้นกำหนดแล้วไม่ไถ่ถอนที่พิพาท จึงตกเป็นสิทธิแก่จำเลย ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีตามที่โจทก์รับเป็นฝ่ายสืบก่อนถึง ๒ คราว นัดที่ ๓ โจทก์ขอเลื่อนอีกอ้างว่ากำลังทำความปรองดองกับจำเลยซึ่งไม่เป็นความจริง และพะยานโจทก์ไม่มีมาศาลและโจทก์ห้ามไมให้พะยานที่รับหมายแล้วมาศาล ศาลจึงไม่อนุญาตและให้นัดสืบพะยานจำเลย ต่อมาศาลสั่งให้ตัวโจทก์เบิกความเป็นพะยานได้คนเดียวกับพะยานจำเลยถึงวันนัดตัวโจทก์และทนายไม่ไปศาล จำเลยขอให้ศาลดำเนินการพิจารณาไป ศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดขั้นพิจารณาและสืบพะยานจำเลยได้ความสมข้อต่อสู้จำเลย พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้สั่งจำหน่ายคดีหรือให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานใหม่
ศาลฎีกาเห็นว่าตามหลักฐานในสำนวนดังกล่าวได้ชื่อว่า โจทก์ประวิงคดีให้ชักช้าตามความใน ม. ๘๖ วิ.แพ่ง ศาลมีอำนาจงดสืบพะยานโจทก์เสียด้วยซ้ำ แต่นัดต่อมาก็ยังให้โอกาศสืบตัวโจทก์เป็นพะยานได้พร้อมกับสืบพะยานจำเลย โจทก์กลับขาดนัดพิจารณาตามวันนัดสืบอีกดังนี้ คดีของโจทก์ต้องด้วย ม. ๑๙๗ และจำเลยต้องการให้ดำเนินการพิจารณสืบพะยานของจำเลยต่อไป คดีจึงจำต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปตาม ม. ๒๐๕ รูปคดีของโจทก์ไม่ต้องด้วย ม. ๑๓๒ ตามที่โจทก์ฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน

Share