แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ครอบครองยึดถือที่ดินทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้นั้นถือว่าอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าของที่ดิน เมื่อจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นการยึดถือเพือตน ก็จะต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินก่อน
ผู้ครอบครองที่ดินทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินนั้น โดยอ้างว่าภายหลังตนได้ปกครองที่ดินอย่างเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน 11 ปีแล้ว แต่ไม่ได้บรรยายในฟ้องว่าตนได้บอกกล่าวให้ฝ่ายเจ้าของที่ดินทราบถึงการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแล้วดังนี้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเสียได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์โดยในชั้นเดิมแม่ยายโจทก์ได้ยึดถือครอบครองทำกินต่าง ดอกเบี้ยเงินกู้แล้วภายหลังแม่ยายตายโจทก์ได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมา ๑๑ ปีเศษแล้ว
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานวินิจฉัยว่า การครอบครองของโจทก์เป็นเพียงสิทธิทำกินต่างดอกเบี้ย จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ปรากฎอยู่แล้วว่านางน้อยได้รับมอบที่ดินพิพาทจากนางปุยไว้ทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมานางน้อยตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดกหนี้สินรายนี้และครอบครองที่พิพาทสืบมาเบื้องต้นก็ต้องฟังว่าโจทก์ครอบครองโดยอาศัยสิทธิของนางน้อยซึ่งทำต่างดอกเบี้ย เช่นเดียวกับนางน้อยหากโจทก์ประสงค์จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเป็นการครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของต่อ ไปแล้ว ก็จะต้องบอกกล่าวให้ฝ่ายเจ้าของที่ดินทราบ แต่เรื่องนี้ไม่ปรากฎเช่นนั้นนอกจากนั้นตามฎีกาของโจทก์เองก็รับว่าไม่ได้บอกกล่าวให้ฝ่ายเจ้าของที่ดินทราบเกี่ยวกับ เรื่องการเจตนาครอบครองนี้แต่อย่างใด
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีมาชอบแล้ว พิพากษายืน