คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกี่ยวแก่สัญญาเช่านั้น จะต้องฟ้องภายในกำหนด 6 เดือนและแม้จะมีการรับสภาพหนี้กันซึ่งทำให้อายุความสดุดหยุดลง ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 172 ก็ตาม แต่เมื่อเริ่มนับใหม่ตามมาตรา 181 ก็ต้องถือว่าอายุความเดิมเป็นแต่ตั้งต้นใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าบริษัทคาโลวิตส์ไทยแลนด์ เป็นผู้เช่าโกดังเลขที่ + ของโจทก์ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๖ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๘ บริษัทได้โอนมาอยู่ในความควบคุมดูและรับผิดชอบของจำเลยโดยอาศัย พ.ร.บ.ว่าด้วยการควบคุมตัวและควบคุมกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยได้เช่าโกดังของโจทก์โดยใช้เก็บสินค้าของบริษัทนี้เช่นเดิม เมื่อมอบคืนให้โจทก์จึงปรากฎว่าโกดังของโจทก์เสียหายมาก โจทก์ยื่นคำร้องต่อจำเลย ๆ รับว่าโจทก์เสียหายไป ๗๔๕๐ บาท ๒๐ สตางค์ แต่จำเลยไม่ชำระให้ โดยบทกฎหมายจำเลยต้องรับผิดในค่าเสียหายที่ได้ก่อขึ้นโดยบริษัทโลวิตร์ไทยแลนด์ก็ดี จากจำเลยก็ดีให้โจทก์จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ปฏิเสธความรับผิด และว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๕๖๓
ศาลแพ่งสั่งงดสืบพยานแล้ว พิพากษาว่าค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องเป็นค่าเสียหายอันเกี่ยวแก่สัญญาเช่าตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๕๖๓ โจทก์ต้องฟ้องภายใน ๖ เดือน นับแต่จำเลยส่งคืนคือวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๙๙ ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ จำเลยได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่ากำหนดค่าเสียหายให้ ๗๔๕๙.๒๐ บาท แม้จะถือว่าอายุความเริ่มใหม่จนถึงวันฟ้องก็ยังเกิน ๖ เดือน ไม่ใช่ขยายอายุความเป็น ๑๐ ปีเพราะอายุความขยายออกหรือย่นเข้าไม่ได้ ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะถือว่าหนังสือลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ หนังสือรับสภาพหนี้ ซึ่งทำให้อายุความสดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๗๒ ป.ม.แพ่งฯ ก็ตาม แม้เมื่อเริ่มนับใหม่ตามมาตรา ๑๘๑ ก็ต้องถืออายุความเดิมเป็นแต่ตั้งแต่นับใหม่ ฟ้องของโจทก์ก็ยังเกิน ๖ เดือนและขาดอายุความ จึงพิพากษายืน

Share