คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3525/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลนัดสืบพยานจำเลยเวลา 9 นาฬิกา และได้รออยู่จนถึงเวลา 10.40 นาฬิกา แต่จำเลยไม่มาศาล ศาลจึงได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา จำเลยไม่อาจอ้างได้ว่าผู้รับมอบอำนาจของจำเลยมาศาลล่าช้าเพราะทนายจำเลยป่วย และผู้รับมอบอำนาจของจำเลยเดินทางไปรับคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยที่บ้านของทนายจำเลยซึ่งอยู่ห่างจากศาลมาก เนื่องจากผู้รับมอบอำนาจของจำเลยทราบเรื่องจากทนายจำเลยตั้งแต่เวลา 6 นาฬิกา ทนายจำเลยสามารถให้ผู้รับมอบอำนาจของจำเลยมาแถลงต่อศาลด้วยวาจาได้ และช่วงระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเร่งด่วนของการจราจรที่ติดขัดอันเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป ซึ่งทนายจำเลยย่อมคาดหมายล่วงหน้าได้ว่าผู้รับมอบอำนาจของจำเลยไม่สามารถไปศาลได้ทันภายในเวลา 9 นาฬิกา ถือว่าการขาดนัดพิจารณาของจำเลยเป็นไปโดยจงใจ และไม่มีเหตุอันสมควร จึงไม่อาจขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้
โจทก์ทั้งสี่ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนชายคาที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ เป็นเรื่องเจ้าของทรัพย์สินใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสี่โดยมิชอบด้วยกฎหมายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ เว้นแต่ผู้ที่ยึดถือจะได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ และจะนำบทบัญญัติเรื่องฟ้องขอให้ปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองตามมาตรา 1374 มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะตามมาตราดังกล่าวเป็นบทบัญญัติเรื่องสิทธิครอบครอง แต่โจทก์ทั้งสี่มีกรรมสิทธิในที่ดินที่ชายคาหรือกันสาดของจำเลยได้รุกล้ำเข้าไป คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อชายคาที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ หากจำเลยไม่ดำเนินการให้โจทก์ทั้งสี่จ้างผู้อื่นดำเนินการแทนด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยและหากไม่มีการปฏิบัติดังกล่าวให้จำเลยใช้ค่าใช้ที่ดินเป็นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ทั้งสี่
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า เมื่อปี ๒๕๑๑ นายสมพงษ์ มิ่งเจริญวงศ์ สามีจำเลยกับพวกอีก ๒ คน ได้เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๙๘๐๗ พร้อมบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ ๑ หลัง และอาคารคอนกรีตสองชั้นอีก ๑ หลัง นายสมพงษ์และจำเลยได้ปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นหอพักสตรีและสร้างกันสาดบนชั้นสองทางด้านทิศตะวันออกของอาคาร เพื่อป้องกันน้ำฝน ปี ๒๕๓๑ จำเลยได้รับโอนมรดกที่ดินและทรัพย์สินดังกล่าวส่วนของนายสมพงษ์และรับโอนกรรมสิทธิ์ส่วนของเจ้าของรวมคนอื่น ๆ จำเลยจึงเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว จำเลยได้ครอบครองที่ดินและอาคารดังกล่าวอย่างสงบเปิดเผยตลอดมาเป็นเวลา ๓๐ ปี ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่จึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสี่ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ชายคาชั้นสองของอาคารของจำเลยที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสี่เพิ่งก่อสร้างมาไม่ถึง ๑๐ ปี จึงไม่ได้สิทธิภาระจำยอม ทั้งเป็นการก่อสร้างโดยรู้อยู่แล้วว่ารุกล้ำที่ดินของผู้อื่นเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในวันนัดสืบพยาน จำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและให้งดสืบพยานจำเลย หลังจากนั้นจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้รอไว้สั่งรวมในคำพิพากษา แล้วพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวโดยพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนชายคาของอาคารเลขที่ ๕๐ ซอยอินทามระ ๒๐ (ที่ถูกซอยอินทามระ ๒๑) ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ตามฟ้อง โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสี่ โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย กับใช้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสี่ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นให้ยก ยกฟ้องแย้ง ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ทั้งสี่รวม ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว… มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การขาดนัดพิจารณาของจำเลยเป็นไปโดยจงใจหรือไม่มีเหตุอันสมควรหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานจำเลยในวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๒ เวลา ๙ นาฬิกา ซึ่งในวันดังกล่าวทนายจำเลยจะต้องนัดจำเลยหรือผู้รับมอบอำนาจของจำเลยให้มาศาลเพื่อสืบพยานจำเลยอยู่แล้ว หากทนายจำเลยป่วยเป็นไข้หวัดจริงตามที่เบิกความแล้วก็น่าจะแจ้งให้จำเลยหรือผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยไปที่ศาลชั้นต้นเพื่อแถลงด้วยวาจาขอเลื่อนคดีดังกล่าว อีกทั้งนายสมมิตรผู้รับมอบอำนาจของจำเลยได้เบิกความยอมรับว่าได้รับการติดต่อจากทนายจำเลยเมื่อเวลา ๖ นาฬิกา หากทนายจำเลยแจ้งให้ผู้รับมอบอำนาจของจำเลยมาแถลงต่อศาลด้วยวาจาแล้วก็จะทันต่อเวลานัดของศาล แต่การที่ทนายจำเลยให้ผู้รับมอบอำนาจของจำเลยเดินทางไปรับคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยที่บ้านเลขที่ ๖๗/๗๗ ถนนเอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นระยะทางไกลจากศาลชั้นต้น (ศาลแพ่ง) มาก ประกอบกับช่วงระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเร่งด่วนของการจราจรที่ติดขัดอันเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป ทนายจำเลยย่อมจะคาดหมายล่วงหน้าได้ว่าผู้รับมอบอำนาจของจำเลยไม่สามารถไปศาลได้ทันภายในเวลา ๙ นาฬิกา ตามที่นัดไว้อย่างแน่นอน กรณีจึงไม่ใช่เรื่องสุดวิสัย ประกอบกับได้ความว่าศาลชั้นต้นได้รออยู่จนถึงเวลา ๑๐.๔๐ นาฬิกา อันเป็นการล่วงเลยเวลาที่ได้นัดไว้เกือบ ๒ ชั่วโมง เช่นนี้ ถือว่าการขาดนัดพิจารณาของจำเลยดังกล่าวเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควร ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปมีว่า ฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสี่ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนชายคาที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ จึงเป็นเรื่องเจ้าของทรัพย์สินใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ เว้นแต่ผู้ที่ยึดถือจะได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ และจะนำบทบัญญัติเรื่องฟ้องขอให้ปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๔ มาใช้บังคับดังที่จำเลยให้การไม่ได้เพราะตามมาตราดังกล่าวเป็นบทบัญญัติเรื่องสิทธิครอบครอง แต่โจทก์ทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ชายคาหรือกันสาดของจำเลยได้รุกล้ำเข้าไป คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ค่าขึ้นศาลของจำนวนทุนทรัพย์ค่าเสียหายในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ทั้งสี่.

Share