คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การอยู่เวรเวลากลางคืนของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างประจำที่ศาลากลางจังหวัดเน้นหนักเรื่องป้องกันอัคคีภัยและการก่อวินาศกรรม เช่นนี้ หน้าที่ของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องป้องกันเหตุดังกล่าวไม่ให้เกิดแก่สถานที่ราชการเท่านั้น วิธีปฏิบัติจึงได้จัดที่นอนไว้ให้ และที่นอนก็อยู่ชั้นล่าง ในขณะที่คนร้ายปีนขึ้นไปบนชั้นสองงัดประตูหน้าต่างแล้วลักเอาเครื่องพิมพ์ดีดไป แม้จะต้องใช้เวลานานพอสมควรแต่ก็อยู่คนละชั้นกับที่จำเลยนอนอยู่ และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนร้ายจะต้องระมัดระวังตัวมิให้ใครรู้เห็น จำเลยทั้งสองได้เข้าเวรยามตามปกติ และปฏิบัติอย่างที่เคยปฏิบัติกันก่อน ๆ มาแล้วโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างจำเลยละเว้นหน้าที่ข้อใด และกระทำโดยประมาทหรือผิดระเบียบข้อใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาท ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับราชการในตำแหน่งลูกจ้างประจำ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลพบุรี และสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดลพบุรี ตามลำดับ จำเลยทั้งสองได้รับคำสั่งของโจทก์ให้อยู่เวรประจำศาลากลางจังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2524เวลากลางคืน ด้วยความประมาทของจำเลยทั้งสองไม่ตรวจสอบระมัดระวังเหตุร้ายอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สถานที่ราชการอันเป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองเป็นเหตุให้คนร้ายลักเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ส่งมาใช้ในราชการศาลากลางจังหวัดลพบุรี รวม 12 เครื่อง เป็นเงิน 69,865 บาท ไปขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่ามิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ การที่คนร้ายลักเครื่องพิมพ์ดีดไปเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 1 มีหน้าที่เพียงอยู่เวรยาม ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบว่าของใช้ในราชการมีอะไรบ้าง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย69,865 บาทกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน69,865 บาท นับแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2524 จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่นั้น ได้ความจากพยานหลักฐานโจทก์ว่า ทางจังหวัดลพบุรีได้แต่งตั้งจำเลยเป็นเวรยามประจำ วันที่ 22 ธันวาคม 2524 และในวันดังกล่าวจำเลยทั้งสองก็ได้อยู่เวรตามปกติ จนถึงเวลา8.30 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น และได้บันทึกในสมุดบันทึกเวรยามว่าเหตุการณ์ปกติต่อมาในวันนั้นจึงพบว่าเครื่องพิมพ์ดีดของแผนกต่างๆ หายไปรวม 12 เครื่อง โดยมีคนร้ายลักเอาไป ตามคำสั่งที่ 891/2502 ของกระทรวงมหาดไทย ข้อ 4 กำหนดหน้าที่ของเวรว่าก.คอยสอดส่องตรวจตราเพื่อป้องกันมิให้มีการลอบวางเพลิง หรือเกิดอัคคีภัยขึ้น หรือมีการลอบก่อวินาศกรรมขึ้นต่อสถานที่ราชการ ข.ปฏิบัติราชการด่วนหรือพิเศษในระหว่างอยู่เวรตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งมีอำนาจสั่งการได้โดยชอบ ค.หากมีเหตุการณ์ผิดปกติอันอาจเป็นภัยแก่สถานที่ราชการเกิดขึ้นหรือมีเหตุการณ์ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุที่จะให้เกิดภัยดังกล่าวขึ้นก็ดี ให้รีบจัดการระงับสมุฏฐานตามความสามารถที่จะกระทำได้เพื่อให้บังเกิดผลดีที่สุดแล้วรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยด่วน และนายวิธาน สุวรรณทัต พยานโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยทั้งสองไม่มีอำนาจเปิดประตูเข้าไปดูแลภายในของห้องทำงานแต่ละห้องตรวจเฉพาะภายนอก และว่าการอยู่เวรยาม ทางจังหวัดได้จัดเตรียมที่นอนให้กับผู้อยู่เวรไว้ด้วย พันตำรวจตรีพัลลภ ทีประวิภาต เบิกความว่าจากการตรวจที่เกิดเหตุ คนร้ายปีนตัวตึกทางด้านทิศใต้ขึ้นไปชั้นบน งัดประตูหน้าต่าง ที่นอนของเวรยามที่ทางศาลากลางจังหวัดจัดให้อยู่ชั้นล่างของตัวตึกศาลากลาง และนายไพโรจน์ นวลแสงเบิกความว่าการอยู่เวรเน้นหนักเรื่องการป้องกันอัคคีภัยและการก่อวินาศกรรม เช่นนี้ หน้าที่ของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องการป้องกันอัคคีภัยและการก่อวินาศกรรมแก่สถานที่ราชการเท่านั้น วิธีปฏิบัติจึงได้จัดที่นอนไว้ให้ และที่นอนก็อยู่ชั้นล่างในขณะที่คนร้ายปีนขึ้นไปบนชั้นสอง งัดประตูหน้าต่างแล้วลักเอาเครื่องพิมพ์ดีดไปแม้จะต้องใช้เวลานานพอสมควรแต่ก็อยู่คนละชั้นกับที่จำเลยทั้งสองนอนอยู่ และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนร้ายจะต้องระมัดระวังตัวมิให้ใครรู้เห็นจำเลยทั้งสองได้เข้าเวรยามตามปกติ และปฏิบัติอย่างที่เคยปฏิบัติกันก่อนๆ มาแล้ว โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง จำเลยละเว้นหน้าที่ข้อใด และกระทำโดยประมาทหรือผิดระเบียบแบบแผนข้อใด จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาท ศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share