แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จและค่าชดเชยแก่โจทก์แม้โจทก์จะมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ตาม แต่เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดให้จำเลยต้องออกภาษีเงินได้นั้นแก่โจทก์ จำเลยจึงต้องจ่ายเงินดังกล่าวเต็มจำนวนโดยไม่หักภาษีเงินได้
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จและค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาจำเลยนำเงินดังกล่าวมาวางต่อศาลเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์โดยหักเงิน 17,812 บาทไว้เป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่มีสิทธิหักเงินของโจทก์ไว้เป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขอให้ศาลสั่งจำเลยจ่ายเงินจำนวน 17,812 บาท แก่โจทก์ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า เมื่อจำนวนภาษีซึ่งจำเลยหักรวมกับเงินจำนวนที่จำเลยวางต่อศาลครบถ้วนตามคำพิพากษา ก็ถือว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาถูกต้องแล้ว ยกคำร้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จหรือเงินเพิ่มกับค่าชดเชยให้แก่โจทก์ โดยให้จำเลยรับผิดตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งใช้บังคับอยู่เดิมและเป็นคุณแก่โจทก์ โดยโจทก์จะได้รับเงินบำเหน็จหรือเงินเพิ่มบวกกับค่าชดเชยอีกต่างหากรวมเป็นเงิน 301,230 บาทและตามเอกสารดังกล่าวได้กำหนดไว้ชัดแจ้งในข้อ 2.7.3.4 ว่า”พนักงานผู้ซึ่งได้รับการปลดเกษียณอายุจะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือที่จะมีขึ้นในอนาคต หรือเงินบำเหน็จมีจำนวนเท่ากับเงินเดือนสุดท้ายเป็นมูลฐานการคำนวณหนึ่งเดือนต่อจำนวนหนึ่งปีแห่งการทำงานบริบูรณ์ต่อเนื่องกันทุก ๆ ปีการทำงานให้แก่บริษัทตามแต่จำนวนใดจะมากกว่ากัน โดยบริษัทจะเป็นผู้ออกเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้” ฉะนั้น แม้โจทก์จะมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ทางราชการแต่เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดให้จำเลยรับภาระต้องออกเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยจะหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกจากเงินได้ของโจทก์ไม่ได้ จำเลยต้องจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาเต็มจำนวนโดยไม่หักเงินภาษีเงินได้ ที่ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้องของโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้จำเลยจ่ายเงินจำนวน 17,812 บาทแก่โจทก์