แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ลักเอาทรัพย์สิ่งของของโจทก์ ซึ่งมีผู้ฝากจำเลยมา ให้โจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 288 แม้จะมีคำว่า ลัก และมีคำขอให้ลงโทษตามมาตรา 288 ก็ตาม แต่ข้อความในฟ้องย่อมมีความหมายว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314ฉะนั้นโจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2492 เวลากลางวัน จำเลยมีเจตนาทุจริตลักเอาเข็มขัดนาค 1 เส้นราคา 2,500 บาท ธนบัตร 80 บาท กระเป๋าถือสำหรับสตรี 1 ใบ ราคา 15 บาทของโจทก์ซึ่งนางสาวปรียา ฝากจำเลยมาให้โจทก์ ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณารวมกันกับสำนวนที่อัยการฟ้องจำเลยเรื่องทรัพย์รายเดียวกันนี้ แต่อัยการขอให้ลงโทษฐานยักยอกตามมาตรา 314 ในที่สุดพิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวน
นางทองพูลโจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามคำขอท้ายฟ้องของนางทองพูลโจทก์
ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องยักยอก ไม่ใช่ลักทรัพย์
นางทองพูลโจทก์ฎีกายืนยันต่อมาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำขอท้ายฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องของโจทก์เป็นข้อหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ไม่ใช่ฐานลักทรัพย์ดังโจทก์ยืนยันมาในฎีกา และเมื่อเป็นดังนี้ จึงลงโทษฐานลักทรัพย์ไม่ได้
พิพากษายืน