แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กระทรวงพาณิชย์สั่งให้ผู้อำนวยการองค์การจัดซื้อสิ่งของ ๆ จัดหาช่างทำเคียว จำเลยประมูลได้กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งผู้อำนวยการองค์การนี้เป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในเรื่องนี้ ต่อไปได้ ผู้อำนวยการจึงทำสัญญากับจำเลยโดย “องค์การจัดซื้อสิ่งของ ๆ กระทรวงพาณิชย์” กับจำเลยและผู้อำนวยการองค์การเป็นผู้ลงนามในช่องผู้จ้าง ดังนี้เมื่อองค์การจัดซื้อสิ่งของไม่ใช่นิติบุคคล ก็ต้องถือว่าผู้อำนวยการทำสัญญาในฐานะเป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์
การที่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยทำเคียวเกี่ยวข้าวนั้นไม่เป็นการค้าอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวง พาณิชย์ดังเช่น การรับจ้างขนส่งน้ำตาล ตามที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491 และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าอยู่นอกวัตถุประสงค์ฉะนั้นเพียงแต่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยเช่นนี้ จะว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ ถ้าจำเลยผิดสัญญา กระทรวงพาณิชย์ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์โดยพระพิศาลสุขุมวิท ผู้อำนวยการองค์การจัดซื้อสิ่งของเพื่อบรรเทาทุกข์และบูรณะความเสียหายของประกาศ ซึ่งเป็นองค์การจัดขึ้นอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้นเป็นตัวแทน ได้ทำสัญญาจ้างเหมาทำเคียวเกี่ยวข้าวกับจำเลย ตามสำเนาสัญญาและหนังสือรับรองของจำเลยท้ายฟ้อง จำเลยทำเคียวที่ไม่ถูกต้องตามที่ตกลงไว้มาส่งโจทก์ให้จำเลยแก้ จำเลยก็ไม่แก้จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำสัญญากับโจทก์หรือตัวแทน จำเลยทำสัญญากับองค์การจัดซื้อสิ่งของ และองค์การนี้ก็ไม่ใช่นิติบุคคล จึงจะเป็นตัวแทนของโจทก์ไม่ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยนอกจากนี้ยังต่อสู้ข้ออื่น ๆ อีก
ศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้อำนวยการองค์การจัดซื้อสิ่งของ ๆ เป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยและฟังว่าจำเลยผิดสัญญา พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๕๐/๒๔๙๑ วินิจฉัยว่าโจทก์ต้องแสดงว่ากิจการที่องค์การจัดซื้อฯ กระทำนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ เมื่อแสดงไม่ได้ซ้ำยังปรากฎว่าองค์การนี้ได้ตั้งขึ้นเพื่อจัดการซื้อสิ่งของเพื่อบูรณะประเทศ ไม่ใช่ในทางควบคุมและส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ จึงอยู่นอกหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ การทำสัญญานั้นจึงหาได้ก่อให้เกิดสิทธิแก่กระทรวงพาณิชยืแต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการจ้างทำเคียวไม่แสดงอยู่ในตัวเองว่าเป็นการค้าเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวงพาณิชย์ ดังเช่นการรับจ้างขนส่งน้ำตาล ดังที่วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๕๐/๒๔๙+ และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าอยู่นอกวัตถุประสงค์ ศาลฎีกาจึงยังไม่อาจที่จะฟังเช่นนั้นได้ สัญญาในคดีนี้ได้กระทำในระหว่าง “องคืการจัดซื้อสิ่งของฯ กระทรวงพาณิชย์” กับจำเลย และพระพิศาลสุขมเป็นผู้ลงนามในช่องผู้จ้าง ฉะนั้นเมื่อองค์การนี้ไม่ใช่นิติบุคคลพระพิศาลฯ ก็ไม่ใช่ผู้แทนขององค์การฯตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๗๕ ได้ ต้องถือว่าพระพิศาลฯ กระทำสัญญาในฐานะเป็นตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ทีเดียวอนึ่งการที่กระทรวงพาณิชย์ฟ้องคดีนี้ ก็เป็นการให้สัตยาบันการกระทำของพระพิศาลฯ ซึ่งเป็นตัวแทนอีกเปล่าหนึ่ง จะว่าพระพิศาลฯไม่ได้กระทำการนี้แทนกระทรวงพาณิชยื เพราะอยู่นอกวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้ ดังกล่าวแล้วที่ศาลอุทธรณ์ยกเหตุว่ากระทรวงพาณิชย์ฟ้องไม่ได้ขึ้นพิพากษาคดี จึงยังไม่ต้อง+ด้วยความเห็นศาลฎีกา
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี