แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ ส. จะมีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยในการกระทำผิดมาแต่ต้น แต่เมื่อ ส. ไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ คำเบิกความของ ส. มิใช่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 87, 84, 288 และ 289 กับริบหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตจากศาลให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนแล้วหลบหนีไปไม่ได้ตัวมาพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 ่ประกอบด้วยมาตรา 84 และ 83 วางโทษประหารชีวิต คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิตริบหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…นอกจากนี้โจทก์ยังมีนางสมพรมาเบิกความว่า นางสมพรกับจำเลยที่ 1 ลักลอบได้เสียกันที่โรงแรมหลายครั้ง จำเลยที่ 1 ต้องการฆ่าผู้ตายเพื่อให้นางสมพรไปอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่ 1 ระหว่างอยู่ด้วยกันในโรงแรมจำเลยที่ 1 บอกว่าได้นำเงิน 4,000 บาท ไปให้จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2 นำเงินดังกล่าวไปให้นายประวุฒิว่าจ้างมือปืนมาฆ่าผู้ตาย ปรากฏรายละเอียดดังที่ศาลฎีกาขึ้นกล่าวอ้างในข้อนำสืบของโจทก์ ที่นางสมพรมิได้เล่าเรื่องลักลอบได้เสียกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสาเหตุให้จำเลยที่ 1 คิดฆ่าผู้ตายและจำเลยที่ 1 นำเงินไปให้จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2นำเงินไปให้นายประวุฒิจัดการว่าจ้างมือปืนมายิงผู้ตาย ให้เจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวนฟังตั้งแต่วันผู้ตายถูกฆ่าแต่เพิ่งจะเล่าให้พนักงานสอบสวนฟังหลังจากผู้ตายถูกฆ่า 4วัน เมื่อพนักงานสอบสวนเรียีกมาสอบคำให้การเพิ่มเติมนั้น ไม่ใช่เหตุที่จะทำให้คำเบิกความของนางสมพรในเรื่องดังกล่าวไม่น่าเชื่อเสียเลย เพราะขณะนั้นนางสมพรกำลังรักใคร่ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 1 และการร่วมประเวณีกับชายอื่นที่มิใช่สามีเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ซึ่งนางสมพรได้เบิกความว่า ในวันเกิดเหตุไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจ้าพนักงานตำรวจฟังเพราะเกรงว่าญาติของผู้ตายจะดูหมิ่นเหยียดหยาม ระหว่างนั้นนางสมพรอาจจะลังเลใจว่าจะเล่าเรื่องดังกล่าวให้เจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวนฟังหรือไม่เมื่อร้อยตำรวจตรีประทีปไปสืบสวนหาสาเหตุที่ผู้ตายถูกฆ่าที่ตลาดยิ่งเจริญ จนทราบจากนางวราภรณ์ซึ่งขายเนื้อสุกรชำแหละในตลาดดังกล่าวว่า จำเลยที่ 1เคยเล่าให้นางวราภรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 เคยลักลอบได้เสียกับนางสมพรซึ่งเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเรียกนางสมพรมาสอบคำให้การเพิ่มเติม นางสมพรจึงได้ตัดสินใจเล่าเรื่องดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนฟัง แม้นางสมพรจะมีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยที่ 1 มาแต่ต้น แต่เมื่อนางสมพรไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ คำเบิกความของนางสมพรมิใช่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ได้ ศาลฎีกานำคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 มาพิจารณาประกอบกับคำเบิกความของนางสมพรและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังกล่าวแล้วเชื่อว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 84 และ 83 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา 289 มีหลายอนุมาตรา แต่ละอนุมาตรามีองค์ประกอบความผิดไม่เหมือนกัน เมื่อข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความเข้าลักษณะอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามอนุมาตราใดของมาตรา289 ก็ชอบที่ศาลจะระบุอนุมาตรานั้นๆ ไว้ด้วย จึงเห็นควรแก้ไขเสียให้ชัดเจน’
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบด้วยมาตรา 84 และ 83 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.