คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่แขวงสุรวงศ์ฯพ.ศ.2516ระบุเหตุที่ต้องเวนคืนไว้ว่าเพื่อประโยชน์ของรัฐในการสร้างทางและปรับปรุงระบบระบายน้ำสำหรับกรุงเทพมหานครโดยมาตรา3กำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์การสร้างทางและระบบระบายน้ำในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหน้าที่โดยตรงของจำเลยที่1ตามมาตรา89(6)แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2528ดังนั้นการปฎิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจำเลยที่2จึงเป็นการปฎิบัติหน้าที่ในกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่1ในฐานะเป็นผู้แทนจำเลยที่1และจำเลยทั้งสองมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่โจทก์ผู้มีสิทธิได้รับเงินโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ได้ เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530มุ่งประสงค์ให้มีการนำเอาราคาที่ดินที่สูงขึ้นนั้นมาหักออกจากค่าทดแทนได้ตามมาตรา21วรรคสองดังนั้นแม้จะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคาที่ดินที่สูงขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา21วรรคสี่ออกมาใช้บังคับก็ตามเมื่อได้ความว่าที่ดินของโจทก์ส่วนที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาสูงขึ้นจำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิที่จะนำราคาที่ดินที่สูงขึ้นมาหักลบกันเงินค่าทดแทนที่จะต้องจ่ายให้แก่โจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 9219, 23822และ 30716 ตำบลทุ่งมหาเมฆ (สาธร) อำเภอยานนาวา (บางรัก)กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 99 ตารางวา, 52 ตารางวาและ 34 ตารางวา ตามลำดับ กับเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 7105และ 7108 แขวงทุ่งวัดดอน เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร เนื้อที่1 ไร่ 3 งาน 37 ตารางวา และ 2 ไร่ 3 งาน 15 ตารางวาตามลำดับ จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ว่าราชการ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2516 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่แขวงสุรวงศ์และแขวงสีลม เขตบางรักและแขวงยานนาวา แขวงทุ่งมหาเมฆแขวงทุ่งวัดดอน และแขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานครพ.ศ. 2516 เพื่อเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ดังกล่าวเพื่อสร้างทางและปรับปรุงระบบระบายน้ำสำหรับกรุงเทพมหานครโดยให้จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองรังวัดและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน สำนักการโยธา มีหนังสือแจ้งการกำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืน พร้อมระบุว่าเนื่องจากที่ดินส่วนที่เหลือจากการถูกเวนคืนมีราคาสูงขึ้นอันเป็นผลจากการตัดถนนเวนคืนต้องนำราคาที่สูงขึ้นหักจากเงินค่าทดแทน เมื่อคำนวณหักกันแล้วไม่ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่โจทก์ คำวินิจฉัยและการกำหนดค่าทดแทนดังกล่าวเป็นการไม่ถูกต้อง ค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก โดยเงินค่าทดแทนที่จำเลยทั้งสองต้องชดใช้ให้โจทก์ทั้งสิ้น 66,639,000 บาท โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งต่อค่าทดแทนแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด โจทก์ส่งมอบที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่จำเลยทั้งสองตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2534 แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ จึงต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินจากเงิน 66,639,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน2,510,373.28 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 69,149,373.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปีจากเงินต้น 66,639,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลและไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ จำเลยที่ 2 มิได้กระทำไปในฐานะผู้แทนตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ทำการแทนกระทรวงมหาดไทยในการเวนคืนที่ดิน มิได้ทำการแทนจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง การกำหนดค่าทดแทนของจำเลยทั้งสองได้ดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการและหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
โจทก์กำหนดราคาที่ดินสูงกว่าความเป็นจริงที่ดินของโจทก์ส่วนที่เหลือจากการถูกเวนคืนราคาสูงขึ้น เมื่อนำไปหักกลบกับค่าทดแทนแล้ว จึงเกลื่อนกลืนกัน โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าทดแทนและโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระค่าทดแทนจำนวน23,452,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 28 เมษายน 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินแต่ไม่เกินอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 เมษายน 2534จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสองฎีกาเป็นข้อแรกว่า แม้พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2516มาตรา 3 จะบัญญัติให้จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การกระทำหน้าที่ดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ก็มิได้กระทำในฐานะผู้แทนตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ปฎิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่กระทรวงมหาดไทย จึงเป็นการทำแทนกระทรวงมหาดไทย มิได้กระทำแทนจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่แขวงสุรวงค์ธานีและแขวงสีลม เขตบางรักแขวงยานนาวา แขวงทุ่งมหาเมฆ แขวงทุ่งวัดดอน และแขวงช่องนนทรีเขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2516 ระบุเหตุที่ต้องเวนคืนไว้ว่า เป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์ของรัฐในการสร้างทางและปรับปรุงระบบระบายน้ำสำหรับกรุงเทพมหานคร และมาตรา 3 บัญญัติให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การสร้างทางและระบบระบายน้ำในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 89(6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ. 2528 และข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้งว่าหลังจากได้มีการตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 แล้ว ได้มีการมอบหมายงานในการเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2516 จากกรมโยธาธิการมาเป็นของจำเลยที่ 1 ดังนั้นการปฎิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการปฎิบัติหน้าที่ในกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้แทนจำเลยที่ 1และจำเลยทั้งสองมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่โจทก์ผู้มีสิทธิได้รับเงิน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ได้ฎีกาจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทั้งสองไม่มีสิทธินำราคาที่สูงขึ้นมาหักกับค่าทดแทนเพราะไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคาของที่ดินที่สูงขึ้นหรือลดลงนั้นพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า มาตรา 21 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 บัญญัติว่า ถ้าการงานหรือกิจการอย่างใดที่ทำไปในการเวนคืนได้กระทำให้อสังหาริมทรัพย์ที่เหลืออยู่นั้นมีราคาสูงขึ้น ให้เอาราคาที่สูงขึ้นนั้นหักออกจากเงินค่าทดแทน เห็นได้ว่า เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มุ่งประสงค์ให้มีการนำเอาราคาที่ดินที่สูงขึ้นนั้นมาหักออกจากค่าทดแทนได้ ดังนั้น แม้จะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคาที่ดินที่สูงขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21 วรรคสี่ออกมาใช้บังคับก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าที่ดินของโจทก์ส่วนที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาสูงขึ้น จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิที่จะนำราคาที่ดินที่สูงขึ้นมาหักลบกับเงินค่าทดแทนที่จะต้องจ่ายให้แก่โจทก์ได้ตามบทกฎหมายมาตราดังกล่าว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share