คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734-1735/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และบรรยายต่อมาว่าจนบัดนี้ผู้เสียหายอาจถึง แก่ความตายไปแล้ว กับที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายเป็นตาย ร้ายดีอย่างไร โดย ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูก ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ยืนยันว่าผู้เสียหายถึง แก่ความตายไปแล้วจริง จึงมิใช่กรณีที่ผู้เสียหายถูก ทำร้ายถึง ตาย หรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2)แม้ผู้ร้องจะเป็นมารดาของผู้เสียหาย ก็ไม่อาจเข้ามาจัดการแทนผู้เสียหายโดย การขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙ วรรคสอง, ๓๑๐, ๘๓
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ผู้ร้องยื่นคำร้องทั้งสองสำนวนว่า ผู้ร้องเป็นมารดาของผู้เสียหายซึ่งหายออกไปจากบ้านและไม่กลับมาอีกเลย โดยไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรจึงขอเข้าร่วมเป็นโจทก์เพื่อดำเนินคดีแทนผู้เสียหาย โดยถือเอาคำฟ้องของโจทก์เป็นของผู้ร้องด้วย
จำเลยทั้งสองสำนวนแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองสำนวน
ผู้ร้องอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๕ (๒) บัญญัติให้ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยา จัดการแทนผู้เสียหายได้เฉพาะแต่ในความผิดอาญา ซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจัดการเองได้เท่านั้น แต่จากคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนซึ่งผู้ร้องขอถือเอาเป็นคำฟ้องของผู้ร้องด้วย คงบรรยายแต่เพียงว่า จำเลยกับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ โดยข่มขืนใจจำยอมอยู่ในบังคับและกระทำตามคำสั่ง มิฉะนั้นจะทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายกลัว ต้องยอมอยู่ในบังคับ ปราศจากเสรีภาพในร่างกายคำฟ้องดังกล่าวไม่ได้ความว่า ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนบาดเจ็บแต่อย่างใด ส่วนที่ฟ้องบรรยายต่อมาว่า จนบัดนี้ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายไปแล้ว กับคำร้องของผู้ร้องที่ว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่เป็นการยืนยันแน่นอนว่าผู้เสียหายถึงแก่ความตายไปแล้วจริง แม้ผู้ร้องจะเป็นมารดาของผู้เสียหาย ก็ไม่อาจเข้ามาจัดการแทนผู้เสียหายโดยเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ได้ เนื่องจากไม่อยู่ในบังคับของบทกฎหมายดังกล่าว และหากผู้ร้องมีเหตุผลเชื่ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจัดการเองได้ ผู้ร้องก็สามารถใช้สิทธิทางศาลโดยเป็นโจทก์ฟ้องเสียเองได้หาใช่ร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ และขอถือเอาคำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องของผู้ร้องโดยไม่ยืนยันว่าผู้เสียหายถึงแก่ความตายแล้วดังเช่นที่ผู้ร้องได้กระทำไปไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอเข้าร่วมเป็นโจท์จึงชอบแล้ว ฏีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share