คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ผู้ร้องและผู้เยาว์เป็นอิสลามศาสนิกซึ่งมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ.2489 บัญญัติให้ใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกบังคับแทนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการนั้น แต่คดีนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องขออนุญาตศาลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 การขออนุญาตศาลดังกล่าว เป็นการคุ้มครองผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ อันเป็นการจำกัดสิทธิของผู้ใช้อำนาจปกครอง สภาพแห่งข้อหาจึงไม่ใช่เป็นเรื่องครอบครัวและมรดกโดยตรงที่ให้ใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกการบรรลุนิติภาวะของผู้เยาว์อันเป็นเรื่องความสามารถในการทำนิติกรรมได้ด้วยตนเอง จึงต้องบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 19 ที่บัญญัติว่า บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ เมื่อผู้เยาว์อายุ 19 ปี จึงยังไม่พ้นจากภาวะผู้เยาว์ ดังนั้น ผู้ร้องจึงมีเหตุต้องขออนุญาตศาลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 ที่ศาลชั้นต้นใช้หลักกฎหมายอิสลามว่า บุคคลบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 15 ปี บริบูรณ์ มายกคำร้องขอของผู้ร้องจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมยกที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวคืนแก่นางฮานีตา แทนนายราชพฤกษ์ ผู้เยาว์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลามของดะโต๊ะยุติธรรมว่า นายราชพฤกษ์ อายุ 19 ปี เป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายอิสลามโดยพ้นจากการเป็นผู้เยาว์แล้ว สามารถทำนิติกรรมด้วยตนเอง จึงมีคำสั่งให้ถอนคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องและมีคำสั่งใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องมีเหตุต้องขออนุญาตศาลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 หรือไม่ เห็นว่า แม้ผู้ร้องและผู้เยาว์เป็นอิสลามศาสนิกอยู่ในจังหวัดนราธิวาสซึ่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ.2489 มาตรา 3 บัญญัติให้ใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกบังคับแทนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการนั้นก็ตาม แต่คดีนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องขออนุญาตศาลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 การที่ต้องขออนุญาตศาลดังกล่าวเป็นการคุ้มครองผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ อันเป็นการจำกัดสิทธิของผู้ใช้อำนาจปกครองว่ากระทำมิได้เว้นแต่ศาลจะอนุญาต สภาพแห่งข้อหาจึงมิใช่เป็นเรื่องครอบครัวและมรดกโดยตรงที่ให้ใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกบังคับแทนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่นนี้ การบรรลุนิติภาวะของบุคคลอันเป็นเรื่องความสามารถในการทำนิติกรรมได้ด้วยตนเองจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 19 ที่บัญญัติว่า บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ เมื่อผู้เยาว์อายุ 19 ปี จึงยังไม่พ้นจากภาวะผู้เยาว์ ดังนั้น ผู้ร้องจึงมีเหตุต้องขออนุญาตศาลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 ที่ศาลชั้นต้นใช้หลักกฎหมายอิสลามว่า การบรรลุศาสนภาวะ หมายความว่า ผู้ที่บรรลุนิติภาวะโดยพ้นจากการเป็นผู้เยาว์เมื่อมีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ และพิพากษายกคำร้องขอของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น เมื่อศาลชั้นต้นได้ไต่สวนจนได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนราธิวาสได้เสนอรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีครอบครัวที่ผู้เยาว์มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียมาแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยคำร้องขอของผู้ร้องให้เสร็จสิ้นไป โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเสียใหม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของผู้ร้องผู้เยาว์และนางฮานีตา ประกอบรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีครอบครัวที่ผู้เยาว์มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียว่า ที่ดินทั้งสองแปลงที่ขออนุญาตทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์นั้น นางฮานีตาซึ่งเป็นพี่สาวผู้เยาว์และประกอบอาชีพรับราชการครูเป็นผู้ซื้อจากบุคคลภายนอก แต่มีเหตุขัดข้องไม่สามารถมารับโอนที่ดินด้วยตนเองและผู้ร้องไม่รับโอนที่ดินใส่ชื่อตนไว้แทนเพราะผู้ร้องอายุมาก ป่วยเป็นโรคหอบหืดและความดันโลหิตสูงจึงเกรงว่าหากผู้ร้องรับโอนไว้แทนแล้วผู้ร้องเสียชีวิตที่ดินดังกล่าวจะตกเป็นมรดก ผู้ร้องจึงให้ผู้เยาว์ซึ่งขณะนั้นยังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมตอนปลายรับโอนที่ดินไว้แทน ผู้ร้องและผู้เยาว์ประสงค์จะโอนที่ดินดังกล่าวคืนให้แก่นางฮานีตาเพื่อให้นางฮานีตานำไปจำนองธนาคารอาคารสงเคราะห์นำเงินมาปลูกสร้างบ้านไว้ให้ครอบครัวญาติพี่น้องได้อยู่อาศัย กรณีจึงฟังได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574
พิพากษากลับเป็นว่า อนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมแทนนายราชพฤกษ์ ผู้เยาว์ ยกที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เลขที่ 9861 และ 9862 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ให้แก่นางฮานีตา ค่าฤชาธรรมเนียมศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share