คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1774/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญากันว่าหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว ให้จำเลยเสียเบี้ยปรับจำนวนหนึ่ง เช่นนี้ เป็นการทำสัญญาตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 381 (ไม่ใช่380)
เมื่อศาลเห็นว่าเบี้ยปรับที่คู่ความทำสัญญากันไว้ดังกล่าวแล้วสูงเกินสมควรไป ศาลมีอำนาจที่จะกะให้ตามที่ศาลเห็นสมควรตาม มาตรา 383
เบี้ยปรับตามสัญญาเป็นทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง ชอบที่ผู้ผิดนัดจะต้องชำระดอกเบี้ยจากจำนวนเงินเบี้ยปรับด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยทำสัญญากันตามสำเนาท้ายฟ้อง ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๔๙๕ รับรองว่าที่ดินในซอยสีฟ้า ตำบลสามเสนใน โฉนดที่ ๙๕๒๕ ในส่วนที่เป็นของจำเลยนั้นโจทก์มีส่วนอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง ถ้าจำเลยจะขายต้องแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง มีข้อสัญญาข้อ ๒ ในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นในคดีนี้ว่า หากข้าพเจ้าไม่แบ่งเงินส่วนของนางเฉลิมวรรณให้ทันทีที่ได้รับ โดยนำไปใช้จ่ายส่วนตัวหรือหาผลประโยชน์เสียก่อน ข้าพเจ้ายอมให้นางเฉลิมวรรณปรับเท่าดับส่วนแบ่งที่นางเฉลิมวรรณพึงได้รับ บัดนี้จำเลยได้ขายและได้รับเงินมาแล้วไม่ชำระให้โจทก์รวม ๓๒,๑๒๓ บาท ๒๕ สตางค์ จึงฟ้องเรียกเงินนั้น พร้อมกับค่าปรับเท่ากันพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า เมื่อได้รับเงินโจทก์ไปต่างประเทศจึงไม่สามารถให้โจทก์ได้ ได้แต่รักษาเงินนั้นไว้ จำเลยไม่เคยเอาไปใช้ส่วนตัวหรือเอาไปหาประโยชน์ ก่อนฟ้องโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวก่อน ฯลฯ จึงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วให้จำเลยใช้เงิน ๓๒,๑๒๓.๒๕ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ ๑,๕๐๐ บาทอีกด้วย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เบี้ยปรับตามประมวลแพ่งฯ ม.๓๘๐ นั้น เป็นเบี้ยปรับซึ้งลูกหนี้จะให้แทนการชำระหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้จะเลือกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก็ได้ คดีนี้ต้องใช้ ม.๓๘๑ ซึ่งเป็นเบี้ยปรับซึ่งลูกหนี้ได้สัญญาไว้ว่าจะให้แก่เจ้าหนี้เมื่อลูหหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควร ฉะนั้นนอกจากเรียกให้ชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้มีสิทธิ์ที่จะเรียกเบี้ยปรับอีกโสตหนึ่ง แต่เบี้ยปรับตามสัญญาไว้นั้นสูงเกินไป ศาลมีอำนาจตามมาตรา ๓๘๓ ที่จะวินิจฉัยให้ควรเพียงใด จึงกะให้ ๕,๐๐๐ บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในจำนวนนี้ นอกนั้นพิพากษายืน.

Share