คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติทางหลวง (ชั้นขอคืนของกลาง) ++
++ ผู้ร้องฎีกา
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 1 หน้า 19 ++
++ มีหมายเหตุ :
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++

ย่อยาว

เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติทางหลวง (ชั้นขอคืนของกลาง)
ผู้ร้อง ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ลงวันที่ ๑๔ เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒
ศาลฎีกา รับวันที่ ๒๕ เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๒
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๖๑, ๗๓, ๗๕ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓ และริบรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๙๕๒๑ ลพบุรีของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๙๕๒๑ ลพบุรี และไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ขอให้สั่งคืนรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๙๕๒๑ ลพบุรีของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของรถบรรทุกของกลางและรู้เห็นเป็นใจกับจำเลยในการกระทำความผิดและยอมให้จำเลยนำรถไปใช้ในการกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ผู้ร้องนำสืบว่า เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๐ ผู้ร้องซื้อรถบรรทุกของกลางจากจำเลยในราคา๕๐๐,๐๐๐ บาท และชำระราคาเรียบร้อยแล้ว ตามหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ร.๑ โดยจำเลยมอบเอกสารเกี่ยวกับการโอนและรับโอนให้ไว้ ตามเอกสารหมาย ร.๒ ถึง ร.๖ และส่งมอบรถบรรทุกของกลางให้ผู้ร้องแล้ว ต่อมาจำเลยเช่ารถบรรทุกของกลางจากผู้ร้อง ตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย ร.๗ การที่จำเลยนำรถไปบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย
โจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๙๕๒๑ ลพบุรีในความผิดต่อพระราชบัญญัติทางหลวงมามอบให้พันตำรวจตรีไพโรจน์กรรณาริก พนักงานสอบสวน ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.๑ และบัญชีของกลางเอกสารหมาย จ.๒ ระหว่างสอบสวนไม่มีผู้ใดมาขอคืนรถบรรทุกของกลาง
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยขับรถบรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๙๕๒๑ ลพบุรี ซึ่งมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๙ (ถนนสายหนองม่วง – ศรีเทพ) เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยมาดำเนินคดีศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและมีคำสั่งให้ริบรถบรรทุกของกลางมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถบรรทุกของกลางจริงหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวผู้ร้องนำสืบว่า ผู้ร้องซื้อรถบรรทุกของกลางจากจำเลยในราคา ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยชำระราคาเรียบร้อยแล้ว ตามหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ร.๑ ต่อมาจำเลยมาขอเช่ารถบรรทุกคันดังกล่าวจากผู้ร้องกำหนดค่าเช่าเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาทตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย ร.๗ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุนั้นรถบรรทุกของกลางยังมีจำเลยเป็นเจ้าของในรายการจดทะเบียนตามเอกสารหมายร.๖ ผู้ร้องอ้างว่าซื้อรถบรรทุกคันดังกล่าวมาจากจำเลยในวันที่ ๒๔ ตุลาคม๒๕๔๐ แต่ได้นำไปให้จำเลยเช่าในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ จะเห็นได้ว่าเป็นการนำรถไปให้เช่าหลังจากซื้อมาจากจำเลยเพียง ๑๑ วันโดยเฉพาะได้ความจากผู้ร้องว่า ผู้ร้องต้องการใช้รถบรรทุกดินเพื่อถมปรับสภาพพื้นดินในการทำบ้านจัดสรรในระยะเวลาประมาณ ๑๐ วัน เท่านั้นจึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ร้องจะยอมลงทุนถึง ๕๐๐,๐๐๐ บาท มาซื้อรถบรรทุกของกลางจากจำเลยเพียงเพื่อใช้ในกิจการดังกล่าว ซึ่งดูเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยอย่างยิ่ง แม้ผู้ร้องจะมีสัญญาเช่าสัญญาซื้อขายและเอกสารต่าง ๆเกี่ยวกับการโอนและการรับโอนมาเป็นพยานเอกสารอ้างอิงก็ตาม ก็เห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้ร้องและจำเลยสามารถจัดทำขึ้นมาได้ อีกทั้งผู้ร้องอ้างว่าที่ยังไม่มีการโอนทะเบียนรถเพราะไม่พบจำเลยจึงไม่สามารถนำรถบรรทุกของกลางไปตรวจสภาพได้นั้น แต่จากคำแถลงการณ์ปิดคดีของจำเลยเองกลับยืนยันว่า ภายหลังที่จำเลยขายรถบรรทุกของกลางให้แก่ผู้ร้องแล้วจำเลยก็ยังคงรับจ้างขับรถบรรทุกคันดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องมิได้ไปอยู่ที่อื่น ข้ออ้างของผู้ร้องในเรื่องนี้จึงขัดแย้งกับคำแถลงการณ์ของจำเลยและเป็นพิรุธอย่างยิ่ง ประกอบกับได้ความจากพันตำรวจตรีไพโรจน์ กรรณาวิก พนักงานสอบสวนว่า ในระหว่างทำการสอบสวนไม่มีผู้ใดมาขอคืนรถบรรทุกของกลาง และผลการสอบสวนก็ได้ความว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นของจำเลยและจำเลยไม่เคยโต้แย้งในเรื่องนี้แต่อย่างใด ดังนี้ พยานหลักฐานของผู้ร้องจึงไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังว่ารถบรรทุกของกลางเป็นของผู้ร้อง การที่ผู้ร้องมาร้องขอคืนของกลางก็เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน.

Share