แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ว่าการซื้อขายเครื่องชั่งพิพาทระหว่าง ข. กับจำเลยมีข้อตกลงกันว่า ถ้า ข. ผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินให้แก่จำเลยผู้ขายได้ ไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ ยินยอมให้จำเลยไปรับเอาเครื่องชั่งพิพาทคืนไปได้ทันทีโดยไม่จำกัดว่าเครื่องชั่งพิพาทจะอยู่สถานที่ใดก็ตาม แต่การซื้อขายเครื่องชั่งดังกล่าวเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่ระบุตัวทรัพย์และราคา แน่นอนแล้ว และไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงในการซื้อขายว่า หากผู้ซื้อชำระราคาไม่ครบถ้วนทรัพย์สินที่ขายยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขายอยู่จนกว่าผู้ซื้อจะชำระราคาครบถ้วนแต่อย่างใด จึงมิใช่สัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไข แต่เป็นสัญญา ซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แม้ ข. จะยังไม่ชำระราคาให้แก่จำเลย กรรมสิทธิ์ในเครื่องชั่งพิพาทก็ย่อมโอนไปยัง ข. แล้วตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 458 โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนเครื่องชั่งพิพาทมาจาก ข. ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในเครื่องชั่งพิพาทโดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์ได้ทราบว่า ข. ซื้อเครื่องชั่งพิพาทมาจากจำเลยและยังไม่ได้ชำระราคาหรือไม่ เครื่องชั่งพิพาทจึงมิใช่เป็นของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาจ้างบริษัทคำโพธิ์การโยธา จำกัด ให้ก่อสร้างตลาดกลางข้าวเปลือกและติดตั้งเครื่องชั่ง เมื่อบริษัทดังกล่าวก่อสร้างและติดตั้งเครื่องชั่งแล้วเสร็จ โจทก์ได้ชำระค่าก่อสร้างครบถ้วนแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีแพ่งของศาลชั้นต้น ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีมายึดเครื่องชั่งดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นของนายขันเพ็ชรซึ่งศาลพิพากษาให้คืนให้แก่จำเลย การกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนการครอบครองทรัพย์สินของโจทก์โดยปกติสุข ขอให้บังคับจำเลยงดเว้นการดำเนินการบังคับคดียึดเครื่องชั่งของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่านายขันเพ็ชรได้สั่งซื้อเครื่องชั่งเพื่อนำไปติดตั้งให้แก่โจทก์ ต่อมานายขันเพ็ชรผิดสัญญาไม่ชำระราคาเครื่องชั่งแก่จำเลย จำเลยจึงยื่นฟ้องนายขันเพ็ชรและศาลมีคำพิพากษาให้นายขันเพ็ชรชำระราคาเครื่องชั่งแก่จำเลย หากไม่ชำระให้คืนเครื่องชั่งแก่จำเลย ต่อมาจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดเครื่องชั่งพิพาทกลับคืนมาเป็นของจำเลย แต่โจทก์คัดค้านไม่ยินยอมให้ยึดเป็นการโต้แย้งสิทธิของจำเลยในการติดตามเอาคืนทรัพย์สิน จำเลยไม่สามรถนำเครื่องชั่งพิพาทออกขายหรือนำไปให้บุคคลอื่นเช่าได้ ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์คืนเครื่องชั่งพิพาทให้แก่จำเลย หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาพร้อมด้วยดอกเบี้ยกับให้โจทก์ใช้ค่าขาดประโยชน์จนกว่าจะส่งมอบเครื่องชั่งคืนจำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้เครื่องชั่งพิพาทมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์คืนเครื่องชั่งพิพาทแก่จำเลย หากไม่สามารถส่งมอบคืนได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๓๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี และให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่จำเลยวันละ ๑๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๘ เป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบเครื่องชั่งพิพาทคืนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษากลับ ให้จำเลยงดการกระทำการใด ๆ ที่รบกวนขัดสิทธิของโจทก์ในอันจะครองเครื่องชั่งพิพาทโดยปกติสุขต่อไป คำขออื่นและฟ้องแย้งจำเลยให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า เครื่องชั่งพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า เมื่อบริษัทคำโพธิ์การโยธา จำกัด ก่อสร้างตลาดพร้อมทั้งติดตั้งเครื่องชั่งพิพาทที่ตนจัดหาโดยซื้อมาแล้วเสร็จ และโจทก์ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้รับมอบการที่ทำ ทั้งได้ชำระสินจ้างให้แก่บริษัทดังกล่าวครบถ้วนตามสัญญาจ้างก่อสร้างแล้ว ตลาดที่ก่อสร้างรวมทั้งเครื่องชั่งพิพาทที่ติดตั้งย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่าการซื้อขายเครื่องชั่งพิพาทระหว่าง นายขันเพ็ชรกับจำเลยมีข้อตกลงกันตามเอกสารว่า ถ้านายขันเพ็ชรผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินให้แก่จำเลยผู้ขายได้ ไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ ยินยอมให้จำเลยไปรับเอาเครื่องชั่งพิพาทคืนไปได้ทันทีโดยไม่จำกัดว่าเครื่องชั่งพิพาทจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม อันเป็นสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไข เมื่อนายขันเพ็ชรยังไม่ได้ชำระราคาเครื่องชั่งพิพาทให้แก่จำเลย กรรมสิทธิ์ในเครื่องชั่งพิพาทจึงยังไม่โอนไปยังนายขันเพ็ชร โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนเครื่องชั่งพิพาทมาจากนายขันเพ็ชร ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในเครื่องชั่งพิพาทนั้นเห็นว่า การซื้อขายเครื่องชั่งพิพาทระหว่างจำเลยกับนายขันเพ็ชรเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่ระบุตัวทรัพย์และราคาแน่นอนแล้ว โดยไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงในการซื้อขายว่า หากผู้ซื้อชำระราคาไม่ครบถ้วน ทรัพย์สินที่ขายยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขายอยู่จนกว่าผู้ซื้อจะชำระราคาครบถ้วนแล้วแต่อย่างใด ดังนี้ กรณีจึงมิใช่สัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไข แต่เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แม้นายขันเพ็ชรจะยังไม่ได้ชำระราคาให้แก่จำเลย กรรมสิทธิ์ในเครื่องชั่งพิพาทก็ย่อมโอนไปยังนายขันเพ็ชรแล้วตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๔๕๘ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนเครื่องชั่งพิพาทมาจากนายขันเพ็ชรย่อมได้กรรมสิทธิ์ในเครื่องชั่งพิพาทโดยไม่จำต้องคำนึงว่าโจทก์ได้ทราบว่านายขันเพ็ชรซื้อเครื่องชั่งพิพาทมาจากจำเลยและยังไม่ได้ชำระราคาหรือไม่ เครื่องชั่งพิพาทจึงมิใช่เป็นของจำเลย
พิพากษายืน