แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้ไข่เขียวเป็นไม้หวงห้าม ซึ่งตามหลักวิชาแล้วฟังว่าอยู่ในจำพวก “ไม้ตะเคียนชนิดอื่น ๆ ” แต่กรมป่าไม้เพิ่งชี้ขาดและทางราชการเพิ่งประกาศเมื่อ 8 มิ.ย. 2498 หลังจากที่จำเลยไปตัดไม้นี้มาไว้แล้ว ถือว่าจำเลยยังไม่ควรมีผิด
ตามพระราชกฤษฎีกาไม้หวงห้าม “ไม้ตะเคียนสามพอน” ถือว่าเป็นไม้ตะเคียนอยู่ในพวก “ไม้ตะเคียนชนิดอื่น ๆ ” นี้ครอบคลุมถึงไม้ตะเคียนทุกชนิด และคำนี้ก็แสดงว่าเป็นไม้ตะเคียนอยู่ในตัวแล้ว
จำเลยมิได้เป็นเจ้าของโรงงานไม้แปรรูป ขนไม้ที่ยังมิได้เสียค่าภาคหลวงเข้าไปในโรงงานไม้แปรรูปเพื่อทำการแปรรูปจำเลยยังไม่ผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2494 ม.16 เพราะไม่ใช่เจ้าของโรงงานไม้แปรรูป จึงไม่ใช่ผู้รับอนุญาตทำการแปรรูปไม้ ฯ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๙๘ ถึงวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๔๙๘ จำเลยสมคบกับพวกกระทำผิดกฎหมายคือ
ก. จำเลยได้จ้างพวกตัดไม้หวงห้ามคือไม้ตะเคียนสามพอน ไม้ไข่เขียว ซึ่งเป็นไม้ตะเคียนประเภทอื่น กับไม้ตาเสือ ไม้ขานาง ไม้มะม่วงป่า รวม ๑๐๙ ท่อน แล้วชักลากโดยมิได้รับอนุญาต
ข. จำเลยสมคบกับพวกนำไม้เข้าไปในโรงงานแปรรูป ๒๔ ท่อน โดยยังไม่ชำระค่าภาคหลวง
ค. จำเลยมีไม้ดังกล่าวไว้ในความครอบครองโดยจำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นไม้ที่ได้มาโดยชอบ
ไม้ดังกล่าวเป็นไม้หวงห้ามตามบัญชีต่อท้าย พระราชกฤษฎีกา กำหนดไม้หวงห้ามในจังหวัดสตูล พ.ศ.๒๔๙๗ ซึ่งเจ้าพนักงานได้ประกาศให้ทราบทั่วกันแล้ว จึงขอให้ศาลลงโทษ
จำเลยให้การว่าขณะที่จำเลยทำไม้ดังกล่าวยังไม่มีกฎหมายหวงห้ามตัดไม้ประเภทดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีผิดฐานมีไม้ตะเคียนสามพอนไว้โดยมิได้รับอนุญาต จึงพิพากษาให้ปรับจำเลย ๕๐๐ บาท จำคุก ๓ ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
แม้จะฟังว่าไม้ไข่เขียว จะอยู่ในคำว่า “ไม้ตะเคียนชนิดอื่น ๆ ” ตามหลักวิชา แต่กรมป่าไม้ก็เพิ่งชี้ขาด และทางราชการเพิ่งประกาศภายหลังเมื่อจำเลยและราษฎรได้ตัดไม้ไข่เขียวแล้ว ทางราชการประกาศภายหลัง ณ ที่ว่าการอำเภอและที่อื่น เมือวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๔๙๘ อันไม่เป็นการชอบด้วย พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๕ เฉพาะจำเลยในคดีนี้ จึงลงโทษจำเลยเกี่ยวกับไม้ไข่เขียวไม่ได้
ฎีกาจำเลยว่าไม้ตะเคียนสามพอนไม่เป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๔๙๗ นั้น ศาลเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ได้ระบุไว้ได้ระบุไว้กว้าง ๆ ว่า “ไม้ตะเคียนชนิดอื่น ๆ ” เพื่อครอบคลุมถึงไม้ตะเคียนทุกชนิดไม่เฉพาะไม้ตะเคียนทอง หรือ ไม้ตะเคียนหวายเท่านั้น ได้ความว่าไม้ตะเคียนสามพอนนี้มี่ขึ้นอยู่มากในจังหวัดสตูล พระราชกฤษฎีกาไม้หวงห้าม พ.ศ.๒๔๙๔ ก็ได้เคยระบุไว้ตามที่ราษฎรเรียกกัน ทั้งคำที่เรียกว่าไม้ตะเคียนสามพอนก็แสดงในตัวว่าเป็นไม้ตะเคียน จึงแปลความเป็นอื่นไม่ได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องข้อ ง. ด้วยนั้น ได้ความว่าจำเลยมิใช่เป็นเจ้าของโรงงานไม้แปรรูป จึงมิใช่เป็นผู้รับอนุญาตทำการแปรรูป หรือเป็นผู้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ จำเลยจึงไม่มีผิด
จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์