คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ตามสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่1ต้องชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ให้โจทก์208,272บาทและในสัญญาระบุว่าถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกโจรภัยสูญหายไม่ว่าโดยเหตุสุดวิสัยหรือโดยเหตุใดๆผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียวและยอมชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนครบโจทก์ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยตามจำนวน170,000บาทแม้จะเกินจำนวนเงินที่โจทก์จ่ายให้บริษัทที่โจทก์ซื้อรถยนต์มาให้จำเลยที่1เช่าซื้อต่อแต่ก็ยังไม่ครบจำนวนตามสัญญษเช่าซื้อที่จำเลยที่1ทำไว้กับโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินที่ยังขาดอยู่จากจำเลยได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์แลนเซอร์ หมายเลขทะเบียน 5ง-2428 ไปจากโจทก์ เป็นเงิน 208,272 บาท จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดแรกตลอดมา ปรากฏว่ารถยนต์สูญหายไป ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้เงินให้โจทก์ 170,000 บาท เมื่อหักค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระคงขาดอยู่อีก38,272 บาท ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 38,272 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ให้การว่า รถยนต์สูญหายไปก่อนถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดแรกจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว รถยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาสูญหายไปโดยมิใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 สัญญาเช่าซื้อจึงระงับไป จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์จากบริษัทสิทธิผลมอเตอร์ จำกัด ในวงเงิน 224,000 บาท ชำระเงินไป 60,000 บาทที่เหลือ บริษัทฯ ให้จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระกับโจทกืแทน โจทก์ให้จำเลยที่ 1 ทำประกันภัยรถยนต์ในวงเงิน 170,000 บาท สูงกว่าราคาี่ค้างชำระ 6,000 บาท โจทก์ได้รับชดใช้เงินจากบริษัทประกันภัยเกินราคารถยนต์ หรือความเสียหายที่โจทก์ได้รับจริง โจทก์จึงไม่เสียหาย ไม่มีสิทธิฟ้องให้ชดใช้ค่าเช่าซื้อหรือค่าเสียหายใด ๆ ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 38,272 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธณณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์208,272 บาท ในสัญญาข้อ 6 ระบุว่า ถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกโจรภัย สูญหาย ไม่ว่าโดยเหตุสุดวิสัยหรือโดยเหตุใด ๆ ผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียวและยอมชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนครบ เมื่อโจทก์ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยจำนวน170,000 บาท แม้จะเกินจำนวนเงินที่โจทก์จ่ายให้บริษั่สิทธิผลมอเตอร์ จำกัด แต่ก็ยังไม่ครบจำนวนตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินที่ยังขาดอยู่จากจำเลยได้ พิพากษายืน

Share