คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อระยะเวลานับแต่วันที่ปิดหมายนัดแจ้งให้ผู้ร้องทราบวันนัดสืบพยานจนถึงวันนัดสืบพยานดังกล่าวยังไม่พ้นกำหนดเวลาสิบห้าวันอันจะถือว่าการส่งหมายนัดมีผลดังนั้นแม้ผู้ร้องจะไม่มาศาลและไม่ขอเลื่อนคดีศาลก็จำเป็นต้องเลื่อนคดีอยู่แล้วเพราะยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ทราบวันนัดสืบพยานตามกฎหมายกรณีจึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีตามที่ขอได้

ย่อยาว

คดีร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นกำหนดให้ผู้ร้องนำสืบก่อน ถึงวันนัดผู้ร้องมอบฉันทะให้ผู้อื่นมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าผู้ร้องติดธุระจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้เพราะได้ว่าจ้างชาวบ้านมาดำนาไว้แล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบและมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาในชั้นฎีกามีว่าสมควรเลื่อนคดีตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่ พิเคราะห์แล้วปรากฏจากหลักฐานในสำนวนว่าศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์) ทำการชี้สองสถานแล้วกำหนดนัดสืบพยานผู้ร้องในวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 เวลา 8.30 นาฬิกา เนื่องจากผู้ร้องไม่มาศาลในวันชี้สองสถาน จึงได้ออกหมายนัดแจ้งให้ผู้ร้องทราบวันนัดสืบพยาน โดยขอให้ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราจัดส่งให้ยังภูมิลำเนาของผู้ร้องที่จังหวัดฉะเชิงเทราเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายนัดเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2522 แต่ไม่มีผู้รับหมายเจ้าหน้าที่ศาลจึงทำการปิดหมายนัดที่เรือนของผู้ร้อง เห็นได้ว่านับตั้งแต่วันที่ 19กรกฎาคม 2522 อันเป็นวันปิดหมายนัด จนถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 อันเป็นวันนัดดังกล่าวมีผล ดังนั้นแม้ผู้ร้องจะไม่มาศาลและไม่ขอเลื่อนคดี ก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ทราบวันนัดสืบพยานตามกฎหมาย ศาลก็จำเป็นต้องเลื่อนคดีอยู่แล้วศาลฎีกาเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีได้ ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น

พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดในคดีนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่”

Share