คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ผู้ค้ำประกันต้องชำระแทนจึงถือว่าผู้ค้ำประกันตกเป็นลูกหนี้ตั้งแต่ลูกหนี้ผิดนัดนั้นเป็นต้นไป ถ้าผู้ค้ำประกันโอนทรัพย์ของตนไปภายหลังระยะเวลานี้เป็นทางทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบแล้วเจ้าหนี้อาจขอให้เพิกถอนได้การสมยอมกันโอนขายทรัพย์ไปโดยปราศจากเจตนาลวงระหว่างคู่กรณี แต่เป็นทางทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบต้องบังคับตาม ม. 237 มิใช่ 118

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่าเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๔๗๔ นางล้อมได้กู้เงิน โจทก์ไป ๖๐๖ บาท นางหยาจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ค้ำประกัน สัญญาจะใช้ภายใน ๑๒ เดือนแต่ไม่ใช่ เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๔๘๑ นางกึ่ง โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินรายนี้จากนางพ่วงนายล้ามและนางหยา ศาลจังหวัดราชบุรี พิพากษาเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๘๑ ให้นางพ่วง นางล้อมใช้เงินแก่นายกึ่ง โจทก์ ถ้าไม่ใช้ให้นางหยาผู้ค้ำประกันใช้แทน แต่นางพ่วง นายล้อมไม่ใช้เงินแก่ โจทก์ตามคำ พิพากษา โจทก์จึงนำยึดทรัพย์คือที่ดินโฉนดที่ ๑๓๐ ของนางหยาผู้ค้ำประกันความจึงปรากฏว่าเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๔๘๐ นางหยาได้ โอนขายที่รายพิพาทแก่นางชุ่มบุตร โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนการซื้อขายนี้เสีย
ศาลจังหวัดราชบุรีเห็นว่าจำเลยทั้งสองได้สมยอมกันโอนขายที่พิพาททำให้ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ เสียหาย โจทก์ขอให้เพิกถอนได้ตาม ปพพม ๒๓๗ จึง พิพากษาให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินนี้เสีย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยทำนิติกรรมซื้อขายกันโดยสมยอมเป็นโมฆะตาม ปพพม ๑๑๘ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ฟ้องได้ตาม ม. ๑๓๓ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนางพ่วงนายล้อมผิดนัดไม่ชำระหนี้แก่ โจทก์แล้วแต่บัดนั้นแเป็นต้นมานางหยาผู้ค้ำประกันก็ตกอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้เพราะมีหน้าที่ตอ้งชำระหนี้นั้นเมื่อนางหยา โอนขายที่ดินรายนี้ไปภายหลังเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบก็นำ ม. ๒๓๗ มาใช้บังคับได้ แต่จะนำ ใ. ๑๑๘ มาใช้บัง
คับ มิได้เพราะในคดีนี้มิได้มีการแสดงตั้งใจซื้อขายกันจริงหากแต่เป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียเท่านั้น จึงพิพากษายืนตาม ศาลอุทธรณ์แต่ในข้อให้ โจทก์ชนะคดี

Share