แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกชนเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าหนองรายพิพาทเป็นหนองสาธารณ และขอให้สั่งห้ามไม่ให้จำเลยกระทำการรบกวนก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่โจทก์และประชาชนในหนองนี้ เพราะจำเลยกับพวกลงไปวิดน้ำจับปลาทำให้น้ำขุ่นเป็นปฏิกูล แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามคำขอข้อแรก แต่ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าหนองนี้เป็นหนองสาธารณ แล้วพิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอข้อหลังนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าหนองไผ่เป็นหนองสาธารณที่โจทก์จำเลยและประชาชนในหมู่บ้าน้ำเมาใต้ดินใฃ้น้ำร่วมกันมา  ต่อมานายบุญตาได้ขาย  นา ๑ แปลงติดกับหนองนี้ให้แก่จำเลยที่ ๑  แต่สัญญาซื้อขายกับแผนที่ได้ครอบครองเอาบางส่วนของหนองนี้ไปด้วย  แล้วจำเลยได้ทำคันดินเอาดินและไม้ถมหนอง  ทำให้บางด้านตื้นเขิน  และกั้นน้ำวิดน้ำจับปลาในหนองทำให้น้ำขุ่นเป็นปฏิกูล  เป็นการรบกวนการใช้ประโยชน์ร่วมกัน  ขอให้   ๑.  แสดงว่าหนองไผ่เป็นหนองสาธารณที่โจทก์และประชาชนใช้ร่วมกัน    ๒.  สั่งทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างนายบุญตากับจำเลย  ๓.  ให้จำเลยรื้อถอนขุดคันดินกับดินและไม้ที่ถมหนอง  ๔.  สั่งห้ามจำเลยกระทำการรบกวนก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่โจทก์และประชาชนในหนองนี้
จำเลยให้การว่า  ไม่ปรากฏทางทะเบียนว่ามีหนองสาธารณในหมู่บ้านนี้  นายบุญตาเคยยกเนื้อที่ลุ่มในนาให้หนองเป็นสาธารณกว้างยาวน้อยกว่าขนาดของหนองที่ฟ้อง  โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรม  จำเลยทำคันดินถมดินและวิดน้ำจับปลาในที่ดินที่จำเลยซื้อ  โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายในเมื่อหนองสาธารณไม่ใช่ของโจทก์  ทั้งโจทก์ก็ไม่มีหน้าที่ใช้สิทธิทางศาล ฯลฯ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลขั้นต้นวินิจฉัยว่า  ตามคำขอข้อ ๑ นั้น  การฟ้องคดีประเภทนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้อง  ความฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษแต่ประการใด  โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในคำขอข้อนี้ (อ้างฎีกาที่ ๑๓๑๖/๒๔๘๐)  คำขอข้อ ๒ และข้อ ๓  ก็เป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะฟ้องเช่นกัน  โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง  ส่วนคำขอข้อ ๔ เห็นว่า  เป็นคำขอให้ศาลสั่งระงับการกระทำของจำเลยที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ในการใช้น้ำซึ่งโจทก์สามารถใช้สอยได้ตามปกติ  โจทก์มีอำนาจฟ้องได้  และทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้สิทธิในทางที่มีแต่จะทำให้ผู้อื่นเสียหาย  จึงพิพากษาห้ามจำเลยลงวิดน้ำจับปลาก่อความเดือดร้อนแก่การที่โจทก์จะใช้สอยน้ำ  คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์แต่ฝ่ายเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แต่เพียงให้ตรงคำขอของโจทก์ว่า  ห้ามไม่ให้จำเลยทำการรบกวนก่อความเดือดร้อนแก่โจทก์ในอันที่โจทก์จะใช้น้ำในหนอง
จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ที่จำเลยฎีกาโต้เถียงในข้อกฎหมายว่า  เมื่อศาลได้วินิจฉัยว่า  กรณีนี้เอกชนจะฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณไม่ได้  แต่กลับไปวินิจฉัยว่ามิได้ห้ามมิให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นที่เอกชนอ้างว่าที่ใดเป็นที่สาธารณ  จึงเป็นการคลาดเคลื่อน  เมื่อได้วินิจฉัยว่าโจทก์มไมีอำนาจฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นหนองสาธารณแล้ว  ศาลก็ต้องยกฟ้องเสียทั้งหมดนั้น  ศาลฎีกาเห็นว่า  การที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์จะขอให้ห้ามจำเลยตามคำขอข้อ ๔ ได้หรือไม่นั้น  จำเป็นจะต้องพิจารณาวินิจฉัยเสียก่อนว่าหนองพิพาทนี้ลักษณะและสภาพเป็นมาอย่างไร  เป็นของจำเลยหรือเป็นหนองสาธารณ  เป็นการวินิจฉัยที่จะก้าวไปสู่อีกประเด็นหนึ่งให้ฟ้องที่เกี่ยวโยงถึงกัน  มิใช่วินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้อง  ตามฟ้องและข้อนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยวิดน้ำจับปลาในหนองพิพาทซึ่งโจทก์เคยใช้น้ำมาหลายสิบปีแล้ว  กระทำให้น้ำขุ่นเกิดปฏิกูลจนโจทก์ไม่สะดวกสบายในการใช้น้ำปกติ  พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าโจทก์เสียหายเป็นพิเศษ  ซึ่งโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยได้อยู่แล้ว  ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น  พิพากษายืน
