คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 570 เม็ด และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 70 เม็ด แก่ผู้มีชื่อ และโจทก์นำสืบว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองพร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 500 เม็ด และจับพวกจำเลยเจ็ดคน พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนที่บุคคลทั้งเจ็ดซื้อจากจำเลยทั้งสองคนละ 10 เม็ด ได้ที่บ้านจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในท้องที่สถานที่ตำรวจนครบาลแสมดำ การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่าย จึงเกิดในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลแสมดำทั้งสิ้น และโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดกับพวกจำเลยอีก 2 คนที่ถูกจับในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางบอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ก็มิใช่ความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 19 (3) จึงอยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลแสมดำตามมาตรา 18 วรรคสอง ประกอบมาตรา 2 (6) มิใช่อยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางบอนที่สอบสวนคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามมาตรา 120
เมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ซึ่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 บัญญัติให้รับเสียทั้งสิ้น ทั้งเป็นทรัพย์ที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 บัญญัติให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ จึงต้องริบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามบทบัญญัติดังกล่าว แม้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2545 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2545 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงต่อเนื่องกันจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 570 เม็ด น้ำหนักรวม 52.560 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 9.897 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 70 เม็ด น้ำหนักรวม 6.440 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 1.213 กรัม ให้ผู้มีชื่อหลายคนในราคา 3,500 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 570 เม็ด เป็นของกลาง เหตุเกิดที่แขวงบางบอน เขตบางบอน และแขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 97, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้องจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 12 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 18 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยทั้งสองคนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำเลยที่ 1 คงจำคุก 12 ปี จำเลยที่ 2 จำคุก 8 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2545 เวลาประมาณ 15 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางบอนจับกุมนายสมศักดิ์ แสงทอง และนายสุรชัย เคลือบกำเนิด ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางบอน จากการขยายผลทราบว่าบุคคลทั้งสองซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 59/32 หมู่ที่ 5 ซอยพระรามสอง 73 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลแสมดำ เจ้าพนักงานตำรวจจึงขอหมายค้นต่อศาลชั้นต้น ตามหมายค้นเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาเวลาประมาณ 20 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจึงไปค้นบ้านจำเลยที่ 2 ถึงบ้านจำเลยที่ 2 เมื่อเวลาประมาณ 21 นาฬิกา เมื่อเข้าไปภายในบ้านพบจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันกับบุคคลอื่นอีก 7 คน คือ นายศราวุฒิ มาปุก นายอมรเทพ สุขสบาย นายณัฐพล ศิริสูตร นายนิรุจ ศรีสกุลษาทิพย์ นายภูริน แก้วแดง นายจาง เจ๋อ เหว่ย และนายจาง เจีย เหว่ย จากการตรวจค้นตัวจำเลยที่ 1 พบเมทแอมเฟตามีน 2 ถุง ถุงละ 200 เม็ด จากกระเป๋ากางเกงด้านหน้าขวา ตรวจค้นจำเลยที่ 2 พบเมทแอมเฟตามีนอยู่ในถุงพลาสติก 100 เม็ด และเงินสด 3,000 บาท อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าขวา ส่วนบุคคลอื่นทั้งเจ็ดพบเมทแอมเฟตามีนคนละ 10 เม็ด บุคคลทั้งเจ็ดรับว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 รับว่าเงิน 3,000 บาท ได้จากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองว่าร่วมกันจำหน่ายและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางบอนดำเนินคดีจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาประการแรกว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางบอนจับกุมนายสมศักดิ์และนายสุรชัยในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง บุคคลทั้งสองรับว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 ทั้งนำไปชี้บ้านจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลแสมดำ จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้ร่วมกระทำความผิดกับนายสมศักดิ์และนายสุรชัยจึงไม่ใช่เป็นความผิดต่อเนื่อง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางบอนไม่มีอำนาจสอบสวนนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 570 เม็ด และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 70 เม็ด แก่ผู้มีชื่อหลายคน และโจทก์นำสืบว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองพร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 500 เม็ด และจับนายศราวุฒิ นายอมรเทพ นายณัฐพล นายนิรุจ นายภูริน นายจาง เจ๋อ เหว่ย และนายจาง เจีย เหว่ย พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนที่บุคคลทั้งเจ็ดซื้อจากจำเลยทั้งสองคนละ 10 เม็ด ได้ที่บ้านจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลแสมดำ การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องจึงเกิดในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลแสมดำทั้งสิ้น และโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดกับนายสมศักดิ์และนายสุรชัย ดังนั้นแม้นายสมศักดิ์และนายสุรชัยถูกจับในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางบอน การกระทำของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องก็หาใช่ความผิดที่เป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 (3) ไม่ แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องคดีนี้ปรากฏชัดแจ้งว่าเกิดในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลแสมดำ ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลแสมดำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 วรรคสอง ประกอบมาตรา 2 (6) ที่จะเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ได้ มิใช่อยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางบอนที่สอบสวนคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาประการอื่นตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ต่อไป และข้อที่ว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ถอนฎีกาไปแล้วได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225 ส่วนเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ซึ่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 บัญญัติให้ริบเสียทั้งสิ้นทั้งเป็นทรัพย์ที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 บัญญัติให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ จึงต้องริบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามบทบัญญัติดังกล่าว”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

Share