แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ภริยาไม่จดทะเบียนของชาย กล่าวกับหญิงที่มีความสัมพันธ์กับชายว่า “คุณเป็นข้าราชการจะแย่งผัวฉัน ดูซิว่าจะมีผิดไหม” เพราะหญิงนั้นสัมพันธ์ทำนองชู้สาวกับชายจริง กล่าวด้วยความหึงหวงโดยสุจริตด้วยความชอบธรรมเพื่อป้องกันส่วนได้เสียตามคลองธรรม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) ไม่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาท
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกล่าวถ้อยคำเพื่อความชอบธรรมป้องกันตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้จำเลยเป็นภริยาของพันตำรวจเอกทศพล ภวภูตานนท์ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกัน 2 คน พันตำรวจเอกทศพล ภวภูตานนท์ได้จดทะเบียนรับรองบุตร 2 คนนั้นไว้ โจทก์ร่วมเป็นข้าราชการและมีความสัมพันธ์กับพันตำรวจเอกทศพล ภวภูตานนท์ สามีจำเลยอย่างลึกซึ้งเกินกว่าปกติธรรมดาและมีความสัมพันธ์กันในทำนองชู้สาววันเกิดเหตุ จำเลยพูดกับโจทก์ร่วมต่อหน้าบุคคลอื่นว่า “คุณเป็นข้าราชการจะแย่งผัวฉันดูซิว่าจะมีผิดไหม” ดังนี้ข้อความที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของพันตำรวจเอกทศพล ภวภูตานนท์ กล่าวถ้อยคำต่อโจทก์ร่วมว่า “คุณเป็นข้าราชการจะแย่งผัวฉันดูซิว่าจะมีผิดไหม” เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ร่วมมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับพันตำรวจเอกทศพล ภวภูตานนท์ สามีจำเลยจริง ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์ร่วมเช่นนี้ เป็นการพูดด้วยความหึงหวงสามีและกล่าวโดยสุจริตด้วยความชอบธรรม เพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่ใช่กล่าวเพื่อกลั่นแกล้งใส่ความโจทก์ร่วม และไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) แม้จำเลยจะเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท”
พิพากษายืน