แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นาย ก. ได้ชักลากไม้ของกลางที่ถูกคนร้ายลักมาเข้าไปในบริษัทจำเลยที่ 1 แล้วเลื่อยตัดเป็นท่อนเพื่อดำเนินการผลิตไม้บางวีเนียร์ โดยมีคนงานถึง 10 คน และใช้เครื่องมือของจำเลยที่ 1 แม้จะเป็นเวลานอกเวลาปฏิบัติงานตามปกติ แต่จำเลยที่ 1ก็มียามตรวจตราอยู่ตลอดเวลา ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้คนหลายคนลักลอบเข้าไปใช้เครื่องมือของจำเลยที่ 1 ได้ การที่นาย ก.เข้าไปดำเนินการในบริษัทจำเลยที่ 1 ได้น่าจะมีกรรมการหรือผู้มีอำนาจในการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีส่วนรู้เห็นและให้ความยินยอมมิใช่นาย ก. เข้าไปกระทำโดยพลการโดยที่บริษัทจำเลยที่ 1มิได้รับผลประโยชน์ด้วย พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยที่ 1 รับเอาไม้ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ อันเป็นความผิดฐานรับของโจรแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีร่วมกันลักทรัพย์ไม้สักจำนวน 30 ท่อน ราคา 250,000 บาท ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรย่งย้วน ผู้เสียหายหรือรับของโจร ไม้สักจำนวน10 ท่อน ราคา 40,000 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,335(1)(7), 357 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 คืนของกลางแก่ผู้เสียหายและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน210,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ลงโทษปรับ 10,000 บาทไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2คืนของกลางแก่ผู้เสียหาย คำขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 210,000 บาทแก่ผู้เสียหาย ให้ยกเสียเพราะจำเลยที่ 1 รับไว้แต่เพียงไม้ของกลางเท่านั้น และศาลได้สั่งคืนให้แก่ผู้เสียหายแล้ว
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม้ของกลางของผู้เสียหายที่หายไปบางส่วนได้พบที่บริษัทจำเลยที่ 1 โดยตัดแบ่งเป็นท่อนย่อยและบางส่วนอยู่ในบ่อต้ม ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งของการผลิตไม้บางวีเนียร์ของบริษัทจำเลยที่ 1 ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจไม้ของกลางในบริษัทจำเลยที่ 1 นายดาบตำรวจปรีชา บุญถึง และนายดาบตำรวจบุญเสริม เปลี่ยนภักดี ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นได้อาศัยเรือหางยาวเป็นพาหนะไปตรวจบริเวณหน้าบริษัทจำเลยที่ 1 เห็นมีไม้ซุง 4 ท่อนในบริเวณนั้น จึงได้ซุ่มอยู่ ต่อมาได้มีการชักลากไม้ซุงเข้าไปในบริเวณบริษัทจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเข้าไป ได้พบคน 10 คน กำลังชักลากและตัดไม้ซุงดังกล่าวและได้ตัดไม้ซุงออกเป็น 10 ท่อน บางส่วนได้ใส่ในบ่อต้มไม้ของจำเลยที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามเกี่ยวกับท่อนซุงดังกล่าวคนงานบอกว่านายกวงหรือเอี๋ยงกวงเป็นผู้นำไปให้บริษัทจำเลยที่ 1ขณะนั้นนายกวงหรือเอี๋ยงกวงอยู่ที่นั้นด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามนายกวงหรือเอี๋ยงกวงเกี่ยวกับหลักฐานการได้ไม้ท่อนซุงมานายกวงหรือเอี๋ยงกวงขอไปโทรศัพท์เพื่อนำหลักฐานมาแสดง และได้หลบหนีไป ไม้ของกลางเป็นส่วนหนึ่งของไม้ท่อนซุงของผู้เสียหายที่ได้หายไป เห็นได้ว่า ในการชักลากไม้และเลื่อยตัดไม้ได้กระทำในบริษัทจำเลยที่ 1 มีคนงานถึง 10 คน และใช้เครื่องมือของจำเลยที่ 1แม้จะเป็นเวลานอกเวลาปฏิบัติงานตามปกติของพนักงานจำเลยที่ 1แต่จำเลยที่ 1 ก็มียามตรวจตราอยู่ตลอดเวลาย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้คนหลายคนลักลอบเข้าไปใช้เครื่องมือของจำเลยที่ 1ดำเนินการบางขั้นตอนในการผลิตไม้บางวีเนียร์ การที่นายกวงหรือเอี๋ยงกวงเข้าไปดำเนินการในบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ น่าจะมีกรรมการหรือผู้มีอำนาจในการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีส่วนรู้เห็นและยินยอมให้ดำเนินการผลิตไม้บางวีเนียร์ มิใช่นายกวงหรือเอี๋ยงกวงเข้าไปกระทำโดยพลการโดยที่บริษัทจำเลยที่ 1 มิได้รับผลประโยชน์ด้วย พฤติการณ์ต่าง ๆ ตามพยานหลักฐานโจทก์แสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 รับเอาไม้ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ การที่จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทใหญ่มีทุนทรัพย์มาก ได้ผลิตไม้บางวีเนียร์ขายในต่างประเทศ ยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนและได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากร ให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน โดยมีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรควบคุม และการผลิตจะต้องได้รับอนุมัติจากเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรซึ่งมีประจำที่บริษัทจำเลยที่ 1 นั้น ไม่เป็นพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำผิดในคดีนี้เพราะการชักลากและเลื่อยไม้รายนี้เป็นการกระทำนอกเวลาการปฏิบัติงานตามปกติของจำเลยที่ 1 และการกระทำผิดกฎหมายนั้นไม่มีใครจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรมาตรวจตราก็ดี เมื่อนอกเวลาปฏิบัติงานก็มิได้ตรวจสอบควบคุมอยู่ เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมก็อาจไม่พบเห็นการกระทำผิดได้ พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ คดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ผิดฐานรับของโจร
พิพากษายืน