แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้คู่ความโต้เถียงเกี่ยวกับการตีความในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทอันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวส่วนปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ การวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ ต้องอาศัยข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนเนื่องจากข้อความในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายมีข้อสงสัยอยู่และข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ยังไม่เป็นข้อยุติ จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 2661 ตำบลคำพราน อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีให้แก่โจทก์ ให้จำเลยรับชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือ จากการวางมัดจำจากโจทก์ โดยคิดราคาตามเนื้อที่ที่เหลือจากการรังวัดสอบเขตที่ดินที่ถูกถนนสาธารณะตัดผ่าน หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง(อันดับ 74)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)
คำสั่ง
จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทแม้จำเลยจะฎีกาข้อกฎหมายได้ แต่ข้อเท็จจริงก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อเท็จจริงของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง