แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อขอซื้อยูคาลิปตัส จากที่ดินของผู้เสียหายแล้ว เพียงแต่ยังมิได้มีการตกลงราคากันให้แน่นอน จำเลยที่ 2 ได้เข้ามาในที่เกิดเหตุและช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ในการตัดต้นยูคาลิปตัส โดยได้กระทำการโดยเปิดเผยมีการจ้างคนงานหลายคน ใช้เวลาในการตัดทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นเวลานานถึง 17 วัน ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีอาชีพซื้อต้นยูคาลิปตัส เพื่อตัดส่งโรงงานข้อเท็จจริงจึงยังเป็นที่น่าสงสัยว่า จำเลยที่ 2 จะรู้หรือไม่ว่าการตกลงซื้อขายกันยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมลักทรัพย์ ต้นยูคาลิปตัส กับจำเลยที่ 1
เมื่อโจทก์สืบไม่ได้ว่าพวกจำเลยอีก 1 คน ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการ พาทรัพย์นั้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย มาตรา 336 ทวิ แต่ไม่ผิดฐานร่วมกระทำความผิด ด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปตามมาตรา 335(7) โดยที่ปัญหานี้ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1), 336 ทวิ, 83, 33 ริบรถยนต์และล้อรถยนต์ของกลางให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 350,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) วรรคสาม, 336 ทวิ, 83 ลงโทษจำคุก 4 ปี 6 เดือน ริบรถยนต์และล้อรถยนต์ของกลาง และให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 350,000 บาท แก่ผู้เสียหายให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดตามฟ้องกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่าแม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้เข้ามาในที่เกิดเหตุและช่วยเหลือในการตัดต้นยูคาลิปตัส ด้วยแต่การตัดต้นยูคาลิปตัส ในที่ดินของผู้เสียหายในครั้งนี้ได้กระทำการโดยเปิดเผยมีการจ้างคนงานหลายคนใช้เวลาในการตัดทั้งกลางวันและกลางคืน รวม 17 วัน ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีอาชีพซื้อต้นยูคาลิปตัสเพื่อตัดส่งโรงงาน ทั้งพฤติการณ์ในคดีนี้จำเลยที่ 1 ก็ได้ติดต่อขอซื้อยูคาลิปตัส ที่ตัดดังกล่าวจากผู้เสียหายแล้วเพียงแต่ยังมิได้มีการตกลงราคากันให้แน่นอน ข้อเท็จจริงจึงยังเป็นที่น่าสงสัยว่าจำเลยที่ 2 จะรู้หรือไม่ว่าการตกลงซื้อขายกันยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมลักทรัพย์ต้นยูคาลิปตัสกับจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และโจทก์สืบไม่ได้ว่าพวกจำเลยอีก 1 คน ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกระทำความผิดด้วย ดังนั้นจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ เท่านั้นแต่ไม่ผิดฐานร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปตามมาตรา 335(7)โดยที่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ลงโทษจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3