แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีกเป็นครั้งที่สามภายในเวลาที่รอการลงโทษไว้ในสองคดีก่อน แสดงว่าจำเลยไม่เข็ดหลาบและมิได้เกรงกลัว ไม่มีประโยชน์ที่จะปราณีรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยอีก
ศาลล่างทั้งสองไม่นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนสองคดีมาบวกเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้ ศาลฎีกามีอำนาจนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก และกรณีมิใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยเพราะกฎหมายบังคับให้ดำเนินการ ทั้งเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 57, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58และบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1985/2541และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1228/2542 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือนก่อนคดีนี้จำเลยเคยกระทำผิดในข้อหาเดียวกับคดีนี้ 2 ครั้งแล้ว ซึ่งศาลเคยให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี แต่จำเลยไม่รู้สำนึกกลับมากระทำผิดคดีนี้อีกภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษ จึงไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยอีกและเมื่อศาลใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกแล้วจึงเห็นสมควรไม่บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับคดีนี้คำขอในส่วนนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1985/2541 ให้ลงโทษจำคุก3 เดือนและปรับ 2,500 บาท เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2541 และเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1228/2542ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือนและปรับ 2,500 บาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542ศาลชั้นต้นในแต่ละคดีดังกล่าวให้โอกาสจำเลยกลับตนโดยรอการลงโทษจำคุกให้ แต่จำเลยยังกระทำความผิดเป็นคดีนี้อีกเป็นครั้งที่สามภายในเวลาที่รอการลงโทษจำคุกไว้ในคดีก่อนทั้งสองคดี แสดงว่าจำเลยมิได้เข็ดหลาบและมิได้เกรงกลัวต่อโทษที่จะได้รับตามกฎหมาย การที่จะปราณีรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยอีก จึงไม่น่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนทั้งสองคดีมาบวกเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้นั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก บัญญัติว่า”เมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่าภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลังหรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังแล้วแต่กรณี” คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอให้ นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1985/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1228/2542 ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้ และจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อในระหว่างที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อน จำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้อีก ศาลที่พิพากษาคดีหลังจึงต้องนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ที่ศาลล่างทั้งสองไม่นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนทั้งสองคดีมาบวกเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1985/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1228/2542ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 วรรคแรกดังกล่าว และกรณีนี้มิใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยเพราะกฎหมายบังคับให้ศาลพิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังด้วยทั้งเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1985/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1228/2542ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้ รวมเป็นจำคุก 9 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6