แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้นต้องคำนึงถึงราคาประเมินของทางราชการราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมิน และราคาซื้อขายในท้องตลาดประกอบกัน ดังนั้น แม้จะปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประเมินได้สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ แต่ยังต่ำกว่าราคาประเมินของทางราชการอยู่มาก ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์บังคับคดียึดที่ดินของจำเลย 5 แปลงคือโฉนดเลขที่ 22210, 22211, 22212, 22213 และ 22214 ตำบลอรัญญิกอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ต่อมาวันที่ 30 สิงหาคม 2532เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวไป 3 แปลง คือที่ดินโฉนดเลขที่ 22210 เนื้อที่ 2 งาน 53 ตารางวา ในราคา 225,000 บาทและที่ดินโฉนดเลขที่ 22212 เนื้อที่ 3 งาน 3 ตารางวา ในราคา150,000 บาท จำเลยยื่นคำร้องว่าขายต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินและราคาซื้อขายในท้องตลาดมาก เป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบและกฎหมาย ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด และให้ขายใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินของจำเลยตั้งอยู่ตำบลในเมืองอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก อยู่ในย่าน ชุมนุมชนห่างจากสถานีขนส่งจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 300-400 เมตร ราคาประเมินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตารางวาละ 2,000 บาท การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาไว้ตารางวาละประมาณ 100 บาทนั้นต่ำไป แม้ราคาที่ขายได้จะสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้มาก แต่หากเปรียบเทียบกับราคาประเมินของทางราชการแล้วจะเห็นว่าราคายังต่ำอยู่มาก และเจ้าพนักงานบังคับคดียอมรับว่าระเบียบในการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดมานั้นต้องคำนึงถึงราคาประเมินของทางราชการ ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินและราคาซื้อขายในท้องตลาดประกอบกันแต่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์ในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าได้ดำเนินการตามระเบียบดังกล่าว ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงชอบที่จะร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง
พิพากษากลับ ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี.