แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก. ซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารโจทก์กระทำนอกอำนาจรับซื้อลดตั๋วเงินจากจำเลยไว้แทนโจทก์ แต่การที่โจทก์มอบอำนาจให้ก. ฟ้องคดีแทน เพื่อบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เกี่ยวกับตั๋วเงินดังกล่าว ถือว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันแก่การซื้อขายลดตั๋วเงินนั้นแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีนางอินทิรา ชาลีจันทร์ เป็นกรรมการจัดการ มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราของบริษัทกระทำการแทน โจทก์มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวร่วมกันออกตั๋วแลกเงินจำนวนเงิน 500,000 บาท ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2526 สั่งบริษัทเรือขุดแร่จุตติจำกัด จ่ายเงินให้ แก่ธนาคารโจทก์สาขาบ้านนาสาร ภายในกำหนด 22 วันนับแต่วันออกตั๋ว ทั้งนี้จำเลยทั้งสองยอมให้ผู้ทรงตั๋วแลกเงินผ่อนเวลาการชำระเงินแก่ผู้จ่ายได้ ถ้าผู้จ่ายไม่รับรองตั๋วแลกเงินหรือไม่จ่ายเงินผู้ทรงไม่ต้องคัดค้าน ต่อมาจำเลยทั้งสองนำตั๋วแลกเงินฉบับดังกล่าวไปขายลดให้โจทก์และรับเงินจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้วโดยสัญญาว่าหากโจทก์เรียกเก็บเงินจากผู้จ่ายไม่ได้ จะยอมชำระเงินคืนให้โจทก์เต็มจำนวน ครั้นตั๋วแลกเงินถึงกำหนดโจทก์ส่งไปให้ธนาคารโจทก์สาขาภูเก็ต เรียกเก็บเงินจากบริษัทเรือขุดแร่จุตติจำกัด แต่เรียกเก็บไม่ได้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระต้นเงินจำนวน 500,000 บาท และดอกเบี้ยที่ค้างจำนวน228,125 แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่าฟ้องในข้อหาเรียกเงินตามตั๋วแลกเงิน หรือผิดสัญญาขายลดตั๋วเงิน โจทก์จะเป็นนิติบุคคลและมอบอำนาจให้นายโกมล โลหุตางกูรดำเนินคดีแทนโจทก์หรือไม่ จำเลยทั้งสองไม่รับรอง โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ผู้รับซื้อตั๋วสัญญาแลกเงินแทนโจทก์ จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินตามฟ้อง แต่จำเลยที่ 2 กระทำในฐานะส่วนตัวมิได้เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ขาดอายุความโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสองในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีโจทก์ผ่อนเวลาให้แก่ผู้จ่ายโดยจำเลยที่ 2 มิได้ตกลงด้วย โจทก์จึงสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยจากจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินจำนวน 500,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในจำนวนเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ได้ให้อำนาจนายโกมลซื้อขายลดตั๋วเงินแทนโจทก์การที่นายโกมลรับซื้อไว้แทนโจทก์ที่ธนาคารของโจทก์สาขาบ้านนาสาร เป็นการกระทำนอกอำนาจแต่ปรากฏว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายโกมลฟ้องคดีนี้ ถือว่าโจทก์ ได้ให้สัตยาบันแก่การซื้อขายลดตั๋วเงินของธนาคารโจทก์ สาขาบ้านนาสารแล้ว
พิพากษายืน.