แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มิใช่เป็นการชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิรับเงินดังกล่าวไป
ย่อยาว
คดีนี้ เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับนำเงินค่าธรรมเนียม และค่าทนายความที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลจำนวน 260,655 บาท
ต่อมาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 1 โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยวางศาลไว้เพื่อใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอ้างว่าเป็นเงินที่จำเลยได้ชำระให้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยวางเงินดังกล่าวเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์มิได้วางเพื่อชำระให้โจทก์ ในชั้นนี้โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิรับไป
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 หาใช่เป็นการชำระหนี้ให้โจทก์ไม่โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิรับเงินดังกล่าวไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน