คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าใน ขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์ และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้
จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่า และไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4686 จำเลยเป็นผู้เช่าส่วนหนึ่งของที่ดินดังกล่าวปลูกบ้านอยู่อาศัย ค่าเช่าเดือนละ 110 บาท ครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว จำเลยที่ 2 เข้าอยู่อาศัยบ้านดังกล่าวในฐานะบริวารของจำเลยที่ 1 ก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทราบล่วงหน้าว่าไม่ประสงค์จะให้เช่าอีกต่อไป ครั้นครบกำหนดสัญญาเช่าจำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้หมดสิ้น

จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 1 มิใช่ผู้เช่าที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย โจทก์ตกลงกับสามีจำเลยที่ 1 อนุญาตให้จำเลยที่ 1 สร้างบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์โดยโจทก์จะยอมจดทะเบียนให้จำเลยมีสิทธิเหนือพื้นดินมีกำหนด 12 ปี และเพื่อเป็นการตอบแทนจำเลยที่ 1 ยอมยกบ้านดังกล่าวให้โจทก์เมื่อครบกำหนดเวลานั้น ขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์จดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินบนที่ดินพิพาท

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์และสามีไม่เคยตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านในที่ของโจทก์โดยให้มีสิทธิเหนือพื้นดินหรือจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้องแย้งและบังคับคดีตามฟ้อง

ระหว่างพิจารณาคดี โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และบริวาร ให้รื้อถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโฉนดของโจทก์

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 3 เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์จำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าไม่มีการเช่าก็น่าจะยกฟ้องโจทก์แต่กลับวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 อยู่ในที่ดินพิพาทโดยละเมิดแล้วพิพากษาขับไล่จำเลยที่ 1 เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและพิพากษาเกินคำขอนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่า และไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่ดินพิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ยังอยู่ในที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นการอยู่โดยละเมิด ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว หาเป็นการวินิจฉัยนอกสำนวนหรือพิพากษาเกินคำขอไม่

พิพากษายืน

Share