แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งให้กรมสรรพสามิตจัดทำแสตมป์สุราขึ้นใช้ในสมัยที่ใช้ พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2486 นั้น หาจำเป็นต้องออกเป็นกฎกระทรวงเสียก่อนดังเช่น พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493บังคับไว้ ก็สมบูรณ์และย่อมถือว่าแสตมป์สุรานั้นเป็นบัตรตาม กฎหมายแล้ว ผู้ใดมีไว้หรือใช้แสตมป์สุราปลอม ย่อมมีผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216
ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์สุราปลอม ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216 นั้น ย่อมหมายถึงแสตมป์สุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในนั่นเอง แม้โจทก์ไม่อ้างพ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาก็หาทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
การมีแสตมป์สุราปลอมไว้จำหน่ายนั้นเป็นผิดมาตรา 216
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้นกฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์ ฎีกามีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจนั้น ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจที่ กฎหมายให้ไว้ดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันมีและใช้แสตมป์สุราปลอม อันเป็นบัตรที่รัฐบาลทำไว้ใช้ในราชการสรรพสามิตซึ่งเป็นส่วนของสรรพากรขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ของกลางไม่ใช่บัตราตามความในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 214 จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 216 ให้จำคุกจำเลยคนละ 4 เดือน ของกลางให้ริบ
นายเกียงจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แสตมป์สุราในสมัยที่จำเลยกระทำผิดนั้นกรมสรรพสามิตได้กำหนดให้ทำขึ้นเพื่อใช้ในกิจการตามพระราชบัญญัติภาษีชั้นใน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2486 มาตรา 3 ข้อ 4 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้สั่งให้จัดทำโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน เป็นการกระทำแสตมป์สุราขึ้นโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติภาษีชั้นในฉบับนั้นแล้ว การที่โจทก์ไม่อ้างพระราชบัญญัติภาษีชั้นใน ฉบับนั้นมาหาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่เพราะเมื่อฟ้องอ้างว่า แสตมป์สุราก็ต้องเป็นแสตมป์สุราตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว จำเลยจะเถียงว่าจำเลยไม่รู้กฎหมายอันว่าด้วยแสตมป์สุราย่อมฟังไม่ขึ้น
ข้อที่จำเลยคัดค้านว่า แสตมป์สุราไม่เป็นบัตราตามกฎหมายเพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ได้ออกกฎกระทรวงก่อนนั้นเห็นว่า การที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสั่งให้กรมสรรพสามิตจัดทำแสตมป์สุราขึ้นในสมัยที่ใช้พระราชบัญญัติภาษีชั้นใน (ฉบับที่ 4) 2486 นั้น หาจำเป็นต้องออกเป็นกฎกระทรวงเสียก่อน เช่นพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 บังคับไว้
ข้อที่คัดค้านว่า ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้นเห็นว่า กฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจนั้น เช่นในคดีเรื่องนี้ ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้ไม่ต้องใช้อำนาจที่กฎหมายให้ไว้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน