คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขอแลกธนบัตรใบละ 100 บาทจากผู้เสียหาย ๆ นับเงินย่อยให้จำเลยแต่โดยความพลั้งเผลอได้ให้ใบละ 100 บาทที่ขอแลกปนไปด้วย จำเลยรับเงินรวมไปแล้วขึ้นรถจักรยานสองล้อที่มานั้นไปพ้นร้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายเรียกให้หยุดไม่หยุด ดังนี้ จะลงโทษฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวไม่ได้เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์หาว่าจำเลยได้ลักเอาธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาท ของก. โดยใช้กิริยาฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้า ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๗,๒๙๓ จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่าจำเลยขอแลกธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาท ก. ให้เดิมมาเป็น ๑๘๐ บาท โดยมีใบละ ๑๐๐ บาทติดมาด้วยข้อเท็จจริงได้ความว่า เวลาราว ๒๑ น. จำเลยกับเพื่อนขี่รถจักรยานมาคนละคันมาซื้อกาแฟและขนมที่ร้าน ก. กินเสร็จแล้วจำเลยขอแลกธนบัตรใบละ ๑๐ บาทต่อ ก. ก.ได้นำไปให้คนอื่นดูที่หน้าร้านหลายคนว่าดีแล้ว จึงหยิบที่ใส่ธนบัตรย่อยออกมานับเงินให้จำเลย เมื่อจำเลยหยิบเอาไปจนออกนอกร้านแล้ว ก. มองไม่เห็นธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาท จึงได้ร้องว่า “เดี๋ยว ๆ หยุด ๆ ก่อน” โดยไม่ได้ร้องโวยวายให้คนติดตาม ขณะนั้นจำเลยขึ้นรถ ๒ ล้อเคลื่อนไปแล้วและไม่หยุดจำเลยแก้ว่าเห็นว่าดึกมากแล้ว
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าเป็นวิ่งราว เรื่องอาจเป็นดังจำเลยต่อสู้ พะยานโจทก์เป็นที่สงสัย พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นวิ่งราวทรัพย์ พิพากษากลับให้จำคุก ๒ ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๗
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า เป็นเรื่องทอนเงินโดยพลั้งเผลอไม่รอบคอบ ให้ใบละ ๑๐๐ ซึ่งแลกปนไปด้วยและเห็นว่าจะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวไม่ได้ เพราะเงินนี้เป็นเงินที่ ก. มอบให้เป็นค่าแลกเงินใบละ ๑๐๐ บาทด้วยจะโดยรู้หรือไม่รู้ก็ดี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าทรัพย์
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share