แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกและลงชื่อโจทก์ในโฉนดร่วมกับจำเลยนั้น เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ จะเรียกค่าฤชาธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์ไม่ได้
การที่บิดาพูดรับรองในวันทำบุญ 7 วันศพภริยาจะแบ่งนาพิพาทให้บุตรทุกคน แล้วบิดาได้ครอบครองนาพิพาทต่อมาร่วมกับบุตรบางคน ดังนี้ ถือว่าบิดาได้ครอบครองนาพิพาทแทน
สินสมรสระหว่างบิดามารดานั้น หากมารดาตาย แต่ถ้าบิดายังมีชีวิตอยู่ บุตรคงมีส่วนเฉพาะที่เป็นมรดกของมารดาเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางจอเป็นเจ้าของนามีโฉนด ๑ แปลง โจทก์จำเลยนอกจากนายถมยาเป็นบุตรนางจอ นายถมยาเป็นหลาน นางจอตาย นายเจริญบิดาและโจทก์จำเลยได้ครอบครองที่นานี้ร่วมกันและแทนกันบอดมายังมิได้แบ่งมรดก จำเลยไปถอนประกาศลงชื่อในโฉนดเสียคนเดียว ขอให้แสดงว่าโจทก์มีสิทธิจะรับมรดกนางจอและลงชื่อโจทก์ในโฉนดร่วมกับจำเลย จำเลยให้การว่าได้ใช้หนี้จำนองแทนนางจอ ๆ ยกที่ดินที่พิพาทให้จำเลยก่อนตาย ฟ้องโจทก์เกิน ๑ ปี ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นายเจริญบิดาได้รับรองเมื่อทำบุญ ๗ วันศพบางจอว่า จะแบ่งที่พิพาทแก่บุตร ที่นายเจริญปกครองที่พิพาทถือว่าปกครองแทนผู้รับมรดก คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้ลงชื่อโจทก์ในโฉนดร่วมกับจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อข้อเท็จจริงฟ้องตามศาลอุทธรณ์ และเห็นว่านายเจริญครอบครองที่วิวาทแทนผู้รับมรดก ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งอย่างคดีมีทุนทรัพย์ และมิได้เสียค่าธรรมเนียมที่ศาลอุทธรณ์ให้ลงชื่อโจทก์ทุกคนเป็นการตัดสินของบุคคลอื่น และเกินคำขอนั้น เห็นว่าศาลชี้ขาดไม่ไม่เกินคำขอ และคดีนี้ไม่ใช่เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งปันทรัพย์มรดก จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ จะเรียกค่าธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์ไม่ได้ปรากฏว่า ทรัพย์รายนี้เป็นสินสมรสระหว่างนางจอกับนายเจริญสามี สิทธิของโจทก์จำเลยจึงได้รับเฉพาะส่วนที่เป็นมรดกของมารดกเท่านั้น ที่จำเลยขอให้หักใช้หนี้มิได้ฟ้องแย้ง จึงไม่มีทางบังคับ
พิพากษายืน แต่ให้มีความชัดว่า ให้ลงชื่อโจทก์ร่วมกันจำเลยในโฉนดรายพิพาทในฐานะผู้รับมรดกของนางจอ