แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสี่ฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน ฯลฯ (อันดับ 110)ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดส.บางกะปิแก๊สและนายสมพงษ์พงศ์สงวนไทย เข้าเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยร่วมทั้งสองชำระเงิน 217,197 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2526 จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ ดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 14,932 บาท 29 สตางค์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน 80,470 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2526 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา (อันดับ 104)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยร่วมที่ 1 ที่ 2 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 107,106)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยร่วมที่ 1 ที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์โดยผู้มีชื่อได้นำหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันและได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น(อันดับ 89 แผ่นที่ 2,97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 1 หรือที่ 2 หรือจำเลยร่วมที่ 1หรือที่ 2 คนใดคนหนึ่งหรือร่วมกัน หาประกันสำหรับต้นเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเวลา 7 ปีมาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง